รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 27 ต.ค.2561 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวชีวิตของ “อ๊อด The Voice” นักดนตรีตาบอดผู้มากความสามารถ ที่ไม่เพียงทำฝันของตัวเองให้เป็นความจริงได้ แต่ยังน่าจะจุดประกายให้ผู้พิการทุกคนเห็นคุณค่าของตัวเองและลุกขึ้นมาพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้สังคมยอมรับ และเปลี่ยนสถานะของตัวเองจาก “ผู้รับ” เป็น “ผู้ให้” กับสังคมบ้าง
อ๊อด The Voice หรือ นันทภพ พิณทอง นักดนตรีตาบอดวัย 47 ปี แม้จะเป็นผู้พิการทางสายตา แต่ถือเป็นบุคคลตัวอย่างที่มีความมานะพยายาม ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก จนชีวิตประสบความสำเร็จ เขาไม่เพียงเดินทางถึงฝันที่ตัวเองตั้งไว้ แต่ยังใช้ความสามารถที่ตัวเองมี เป็นจิตอาสาให้ความสุขแก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลด้วย
ตั้งแต่เกิดไม่เคยมองเห็น จึงไม่รู้ว่าตาบอดเป็นอย่างไร!
“ผมเข้าโรงเรียนสอนคนตาบอดปี 2520 ประมาณ 5-6 ขวบ ผมไม่รู้ว่าเป็นโรงเรียนสอนคนตาบอด ผมไม่รู้ว่าตัวเองตาบอด เรารู้สึกว่าเราวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่อยู่รอบๆ ลูกครู หรือลูกน้องพ่อ ลูกภารโรง วิ่งข้ามถนนได้ ...ตอนนั้นผมแยกไม่ออกระหว่างการมองเห็น มองไม่เห็น ...รู้สึกว่า เราอยากทำอะไรก็ทำ ตอนก่อนเข้าโรงเรียน แม่พยายามเอาไฟฉายมาส่อง ถามว่า กี่นิ้ว บางทีเราทายผิด ยายก็พยายามพูดหลายครั้ง เราจะเสียบปลั๊กทีวี อย่าไปเล่นนะ เดี๋ยวไฟดูด เรายิ่งมองไม่เห็นอยู่ เรามองไม่เห็นตรงไหนนะ (ถาม-เราไม่เข้าใจว่าการมองเห็นคืออะไร) อะไรอย่างนี้”
เรียนรู้การใช้ชีวิตจากโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ
“พอเข้าโรงเรียน เหมือนถูกปรับทัศนคติโดยสิ้นเชิง ในเรื่องการใช้ชีวิต มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต แตกต่างจากที่อยู่บ้าน ช่วยการมีวินัย ให้อะไรกับสังคม การแบ่งปัน ที่บ้านอาจจะสอน แต่เราอาจไม่รู้เรื่อง ที่โรงเรียนมีวิธีการสอน สอนแบบคาทอลิก ตอนหลังก็มาเป็นคริสเตียนทุกวันนี้ เขาสอนให้เรารู้จักพระเจ้า เรียนพระคัมภีร์ไบเบิล พูดเรื่องการให้ ความรักกับผู้คนรอบข้าง การแบ่งปัน พูดหลายข้อมาก เขาก็สอน เลยทำให้เราใช้ชีวิตข้างนอกได้อย่างปกติ”
เริ่มรู้ตัวเองชอบดนตรี
“พอเราเข้าไปโรงเรียน พอเลิกเรียน เด็กๆ ก็ไปซ้อมเปียโน เราก็ เสียงอะไร เพราะจัง ...เราก็อยากเล่นบ้าง ...ช่วงปีแรกไม่มีคนสอนเป็นเรื่องเป็นราว ก็เรียนรู้จากหู ฟังรุ่นพี่เล่น เราลองพยายามทำตามที่เราฟัง ...จนซิสเตอร์งง เล่นได้ไง อาจไม่เพราะเท่าคนที่เล่นได้ แต่ก็ฟังเป็นเพลงแล้ว หลังจาก 1 ปี ซิสเตอร์ก็จัดครูมาสอน”
เล่นดนตรีเป็นอาชีพตอนไหน?
“เริ่มจากที่เราไปกับเพื่อน เพื่อนไปเล่นเปิดหมวก เขาเป็นวงดนตรี เล่นตามสถานที่ต่างๆ ตามตลาด โรงงาน ...การเริ่มเป็นนักร้อง เริ่มจากนักร้องไม่มี ตอนที่เราเล่นดนตรีอาชีพแล้ว นักร้องขาด มาบ้างไม่มาบ้าง ตอนเล่นต่างจังหวัด”
สมัยนั้น นักดนตรีเปิดหมวกอยู่ยาก โดนแม่ค้าบ่น
“สมัยนั้น จะบอกว่า การใช้ชีวิตยาก การเล่นดนตรีเปิดหมวก ขนาดว่าเป็นวง พอเราไปตั้งเครื่อง เอาแล้ว แม่ค้าเริ่มบ่น หนวกหู__เลย วันหนึ่งแบ่งกันแล้วก็ได้คนละ 100-200 กว่าบาท ถ้าวันไหนฝนตก วันละ 50 บาทก็มีแบ่งกันแล้ว พอบ้าง ไม่พอบ้าง ตอนนั้นเราตัวคนเดียว ก็อยู่อย่างไรก็ได้ แค่ยังชีพ แค่ได้กิน”
เริ่มคิดหาทางเดินตามฝัน
“เราเริ่มเบื่อชีวิตแบบนี้แล้ว เริ่มคิดว่า เราน่าจะไปได้ดีกว่านี้ เราเป็นนักดนตรี อยากเล่นเหมือนคนปกติ มีเวที เล่นคอนเสิร์ต เล่นแบ็กอัพศิลปิน คิดขนาดนั้น เราไม่รู้เราเก่งขนาดนั้นหรือเปล่า แต่คิดไปแล้ว ...ทำอย่างไรเราถึงจะไปในจุดที่อยากไปถึงตรงนั้นได้”
ตาบอดเป็นอุปสรรค ไม่มีใครให้โอกาส
“ส่วนใหญ่เวลาเราไปออดิชั่นตามร้าน เขาจะมองว่า เราจะไปเป็นภาระเขาไหม เราจะไปทำงานที่นั่น เราจะไหวเหรอ บางทีเขาไม่ให้โอกาสเราแม้แต่ไปออดิชั่นนะ (ถาม-แสดงว่าตอนนั้น การยอมรับผู้พิการ โดยเฉพาะด้านดนตรี สังคมปิดประตูเลย?) ปิดประตูเลย ทั้งที่บางคนรู้ว่าเราเล่นได้ด้วย เดี๋ยวนี้ก็ยังเคยเจอ ที่รู้ว่าเล่นได้ เคยเห็นเราเล่นแล้วด้วยซ้ำ ก็ยังรู้สึกว่า ถ้าเราเข้าไปจะเหมือนกับเป็นตัวอัปมงคล ไม่รู้นะ (ถาม-เราจัดการกับความคิดตรงนี้อย่างไร?) เราก็ต้องพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ พัฒนาฝีมือ ทักษะ ทุกด้าน ที่เราจะทำได้”
หลังเลิกเป็นนักดนตรีเปิดหมวก และหันไปยึดอาชีพนักดนตรีตามร้านอาหารในต่างจังหวัดอยู่หลายปี คุณอ๊อดได้กลับเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง
ดีใจได้แสดงฝีมือในบาร์แจ๊ส จนคนประทับใจ
“เรานึกได้ มันมีบาร์แจ๊สคือแซกโซโฟน เราลองไปที่นั่น เผื่อเราจะมีงานอะไรใหม่ๆ บ้าง ตอนนั้นวงอานนท์ แจ๊สแบนด์ กำลังเล่น ได้ยินตั้งแต่หน้าประตู ยังไม่ได้เปิดประตู โคตรมันเลย โอ้โห! สูบฉีด ความดันขึ้นแล้ว ได้ยินแล้วแบบ มันหิวมาก มันกระหาย อยากจะ ใจไปบนเวทีแล้ว ตัวยังอยู่หน้าประตู หน้าร้านอยู่เลย เข้าไปนี่แบบ โซโลกันใหญ่เลย จัดเต็ม เราเข้าไป หาโต๊ะนั่ง บอกเด็ก น้องไปขอหลังวง จะขอแจมนะ สักแป๊บหนึ่งประมาณ 10 นาที เขาก็เรียก ผมขึ้นไปปุ๊บ ก็แจม 2 เพลง ลงมา เป็นที่ประทับใจของทางร้าน ทั้งคนดูและนักดนตรี”
คนเริ่มเห็นความสามารถ งานเริ่มเข้ามามากขึ้นๆ
“(ถาม-ชีวิตเริ่มใกล้ฝัน?) เรียกว่า เริ่มได้ทำแล้วดีกว่า แต่อาจไม่ถึงขั้นเป็นโปรดิวเซอร์ทั้งอัลบั้ม แต่อย่างน้อยได้ทำเพลง มีเพลงที่เราทำเองเยอะอยู่ ช่วงนั้นก็เป็นแบ็คอัพให้ศิลปิน เล่นคอนเสิร์ตหลายงานมาก พัทยามิวสิคเฟสติวัล ช่วงนั้น ผมเล่นคนเดียว 3 วง เล่นให้วงไคโจบราเธอร์ส อีกวง วงซีสกาย วงอินดี้ ...อีกวง พวกทีโบนก็เคยแจม แจมกับวงออโต้บาห์น แจมกับวงบางกอกคอนเนคชั่น (ถาม-พูดได้ว่า ร่วมงานกับศิลปินระดับประเทศ และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินหลายคน?) ประมาณนั้น เล่นแบ็คอัพคอนเสิร์ตให้วิยะดา โกมารกุล ณ นคร เล่นให้พี่แต๋ม ชรัส (เฟื่องอารมย์)”
ในที่สุด คุณอ๊อด ก็เดินทางถึงฝันที่อยากเป็นนักดนตรีประจำโรงแรม 5 ดาว!
“ตอนนั้นผมกำลังไปเล่นดนตรีตามปกติ อยู่บนมอเตอร์ไซค์ เขาโทรมา ตกลงคุณเริ่มวันจันทร์ที่ 15 นะ 15 ธ.ค. ซึ่งเหลืออีกแค่ 4-5 วันเอง แทบจะตกรถอะ วันนั้นแฮปปี้ทั้งวัน คืนนั้นเล่นดนตรีสนุกมาก เราก็ต้องไปลาออกกับทางร้านที่เราเล่นอยู่ทั้ง 2 ร้านเลย”
ไม่เพียงเป็นนักดนตรีในโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่คุณอ๊อดยังขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงระดับประเทศ เช่น The Voice Thailand เพื่อให้สังคมได้เห็นความสามารถของผู้พิการ และจุดประกายให้ผู้พิการด้วยกันได้พัฒนาตนเองให้หลุดพ้นจากการเป็นผู้ไร้ความสามารถ ไม่เท่านั้น เขายังเป็นจิตอาสาร้องเพลงให้คนไข้ฟังตามโรงพยาบาล เช่น รพ.ศิริราช และ รพ.รามาธิบดี
“อ.อ๊อดมาเป็นจิตอาสาเล่นดนตรีให้ฟังประมาณ 7 ปีที่แล้ว (ถาม-รู้สึกอย่างไรที่คุณอ๊อดตาบอด แต่มาเล่นดนตรีให้คนไข้ฟัง?) นี่แหละเป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่า คนไข้ของผมส่วนใหญ่ค่อนข้างจะบกพร่องทางร่างกาย บางคนอาจอ่อนแรงข้างซ้าย ข้างขวา ให้มาเห็นว่า อ.อ๊อดอย่างนี้ยังมีความสามารถที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข เป็นนักดนตรี เป็นแรงบันดาลใจให้คนไข้ได้เห็นว่า เรายังสามารถทำอะไรได้ ให้มีความมั่นใจว่า เราก็ทำได้เหมือนกัน เห็นว่า อ.อ๊อดพิการทางสายตา เขายังร้องเพลงเพราะ เราแขนข้างนี้ยังมีอยู่ ทำไมไม่ทำอย่างอื่นให้มันดีขึ้นมา” พิเชษฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เจ้าหน้าที่หน่วยจิตวิทยาการปรึกษาและนันทนาการบำบัด รพ.ศิริราช เชื่อว่าคุณอ๊อดสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนไข้ได้อย่างดี
“พลอยว่า คนจะเป็นผู้ให้ เป็นใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องว่าเราต้องรอพร้อมก่อน พร้อมทุกอย่าง แล้วถึงจะให้คนอื่นได้ เราให้ในสิ่งที่เรามีในปัจจุบันนี้ เรามีอะไร เราสามารถมอบให้คนอื่นได้ ก็มอบเลย อย่างพี่อ๊อด เขามีเสียงเพลง มีเสียงร้อง เสียงเปียโน เขามีความรัก ความสุขที่จะมาแบ่งปันคนไข้ ให้สุดใจที่มี เต็มที่ที่มี โดยที่ความพิการทางสายตาไม่เคยเป็นอุปสรรคเลย” ชลธิชา ยศพล พลอย The Voice ให้แง่คิดทุกคนเป็นผู้ให้ได้ทันที ไม่ต้องรอให้พร้อม
ความสุขของคุณอ๊อดที่ผ่านมา ไม่เพียงอยู่ที่การได้เล่นดนตรี แล้วผู้ฟังหรือผู้ป่วยมีความสุข แต่ยังอยู่ที่การได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ได้เล่นถวายพระบรมวงศานุวงศ์แทบทุกพระองค์ ได้เล่นหน้าพระที่นั่ง ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และในหลวงรัชกาลที่ 10 อีกด้วย
แม้วันนี้ จะดูเหมือนคุณอ๊อดประสบความสำเร็จ ยิ่งกว่าเดินทางถึงฝันที่ตนเองตั้งไว้ และใครต่อใครมองว่าเขาเก่งเรื่องดนตรี แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกว่า ตนเองเก่ง จึงอยากพัฒนาตนเอง พัฒนาฝีมือ และพัฒนาทักษะให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เขายังเผยข้อคิดในการดำเนินชีวิตของตนเองด้วย
“เชื่อในสิ่งที่เราคิด เราทำ ถ้าสมมุติเรารักสิ่งไหน เราก็ทำสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุด ทำสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันให้ดีที่สุด ไม่ว่าอาชีพอะไรก็แล้วแต่ เราจะค้าขาย ทำอะไรที่เป็นตัวเรา ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นตัวเรา แล้วสิ่งนั้นจะทำให้เรามีความสุข”
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos