xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิต"เค เยาวราช"ก่อนเป็นจิตอาสา เคยนอนข้างถนน-เกือบเป็นมิจฉาชีพ!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ เสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2561 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวชีวิตของ "เค เยาวราช" ที่ไม่เพียงเป็นจิตอาสาทำงานเพื่อสังคม แต่ยังมีน้ำใจต่อคนทุกข์ยาก-ไร้บ้าน ประสบการณ์ชีวิตของชายคนนี้ ถือว่าน่าสนใจและให้แง่คิดที่ดีหลายอย่างต่อคนในสังคม ...อะไรทำให้เขาผ่านจุดตกต่ำสุดของชีวิตมาเป็นจิตอาสาในวันนี้ได้



หลายคนอาจคุ้นหน้า เค เยาวราช หรือสมศักดิ์ ศรีเพ็ชร จากภาพข่าวการเป็นจิตอาสาในหลายๆ งาน เช่น งานพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9, กรณีน้ำท่วมใหญ่ปี 2554, กรณีช่วย 13 หมู่ป่าฯ ที่ถ้ำหลวงฯ, กรณีฝายที่ สปป.ลาวแตก ฯลฯ กว่า เค เยาวราช จะกลายเป็นคนมีฐานะและเป็นจิตอาสาทำเพื่อสังคมในวันนี้ได้ ใครจะคิดว่า เขาเคยต้องนอนข้างถนน และเกือบต้องกลายเป็นมิจฉาชีพมาก่อน

"ตอนเด็กๆ เรียน ป.4 เรียนไม่จบ ที่บ้านพี่น้อง 12 คน ผมคนที่ 9 เลยให้น้องเรียน ...ตอนเด็กก็ลำบาก กินข้าววัด เฝ้ารองเท้าวัด มีงานรถไต่ถัง ก็ไปช่วยเก็บตั๋ว มีการแสดงเล่นเกี่ยวกับของเด็กเล่น รถไฟ รถบั๊ม เราไปคอยเก็บตั๋ว ได้ตังค์ ได้หาประสบการณ์ชีวิต เรียนรู้มา พ่อแม่ผมก็ไปขาย พ่อแม่ผมทำการค้าพวกก๋วยเตี๋ยว ขายอาหาร ปิดวิคตามงานวัด ...เริ่มงานวัด ก็เริ่มช่วยทำอาหารกับพ่อ"

เมื่อเริ่มโตขึ้นมาหน่อย อายุ 12-13 เค เยาวราช ย้ายตามครอบครัวจากเพชรบุรีมาอยู่ใน กทม. พ่อแม่ขายโรตีสายไหม ส่วนเขาก็เร่ขายพวงมาลัย หลังจากนั้น 1-2 ปี ก็เริ่มเบนเข็มมาต่อยมวย ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่า การต่อยมวยด้วยหวังค่าตัว 500 มาให้พ่อแม่ จะทำให้เขาต้องพบกับวิกฤตชีวิตครั้งใหญ่ จนเกือบกลายเป็นมิจฉาชีพในเวลาต่อมา

"ค่าตัว 500 แต่ไม่ได้ เขาคงเสียมวย แล้วไม่มีจ่าย (ถาม-คิดว่าเขาโกงไหม?) เราก็นั่งรอตรงเวที จนหมด ไม่มีใคร เราก็ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จักใคร เราก็นั่งรถเมล์กลับ ตอนนั้น 4-5 ทุ่ม ถึงสนามหลวงประมาณเที่ยงคืน รถเมล์ก็หมดเที่ยงคืนที่สนามหลวง นับจากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ต้นมะขามต้นที่ 4 จะมีโต๊ะ สมัยก่อน โต๊ะ กทม.เราก็ลงตรงนั้น นอนหน้าศาลอาญา"

ท้องหิว ...เงินไม่มี คิดว่าตื่นมา คงต้องวิ่งราว!

"ก็คิดว่าเราจะเอาตังค์ที่ไหน ไม่มีตังค์ พรุ่งนี้จะทำไง ไม่มีกิน คิด พรุ่งนี้วิ่งกระเป๋าใครสักอันไหม วิ่งราว หรือกระชากสร้อย ตอนนั้นคิด เพราะเราอายุ 12-13 13-14 ยังเป็นช่วงต่อของวัยรุ่น และเหมือนเราเจ็บ คือเราจนอยู่แล้ว ไม่มีกิน ยังโดนโกงอีก เรากะได้เงิน 500 จะเอาไปให้พ่อแม่ ให้พ่อแม่ภูมิใจ เราไปต่อยมวยนะ ได้เงินมานะ อันนี้เอาเงินให้พ่อแม่ เป็นค่าน้ำค่าไฟอะไรก็ยังดี ที่พระราม 2 พ่อแม่ปลูกเพิงสังกะสี เพิงหมาแหงน อยู่แถวบางบอน (ถาม-วันนั้นพี่รู้สึกเสียใจ ที่ไม่มีตังค์ไปให้พ่อแม่?) ใช่ เราท้อแท้ เราไม่มีกิน ก่อนต่อยมวย ไม่ได้กินข้าว เพราะจะจุก ต่อยมวยเสร็จ เราก็ไม่ได้กินข้าว คุณนึกดู นอนถึงตี 5 คุณไม่มีข้าวตกถึงท้อง คุณจะทำอย่างไร"

โชคดี ผู้ใจบุญนิรนาม ทำชีวิตเปลี่ยน

"เดชะบุญ ตื่นเช้ามา มีคนเอาตังค์ (เสียงเครือ-น้ำตาคลอ) ข้าวกับตังค์ 20 บาท วางให้เรา ขอบคุณนะครับ ยังไม่รู้เลยทุกวันนี้ว่าเขาเป็นใคร ผมไปทำบุญทุกวันนี้ ผมอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ผมไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย ตายไปแล้วหรือยังไม่ตาย ผมไม่รู้ แต่เงิน 20 บาทกับข้าวกล่อง เปลี่ยนชีวิตผมจริงๆ สำหรับคนอื่นอาจจะดูโอเวอร์นะ เงิน 20 ข้าวกล่องหนึ่งเป็นอะไร เพราะผมคิดไว้แล้ว วิ่งราวแน่ ผมอาจจะโดนจับ หรือชีวิตผมอาจจะเปลี่ยนไปเลย อาจจะเป็นโจร ลักขโมย จี้ปล้นไปเลย"

หลังจากเงิน 20 บาท กับข้าว 1 กล่อง ช่วยให้เค เยาวราช ท้องอิ่ม แถมมีเงินกลับบ้าน เขาก็เริ่มหางานใหม่ทำ โดยเป็น "กุลี" ยกของแบกของแถวเยาวราช กระทั่งได้รู้จักคนร่อนทอง และเรียนรู้วิธีการจากเขา

ความซื่อสัตย์ นำพาให้ได้ทำงานร้านทอง

"มีวันหนึ่งเรามากวาดอย่างนี้ แล้วไปเจอตะขอทอง เล็กๆ ถ้าเปรียบเทียบเดี๋ยวนี้ ก็เท่าตะขอทอง 50 สตางค์ ประมาณสักกรัมกว่า คนร้านทองจะเข้าใจ หน้าร้านเขาเป็นร้านของ เราก็หยิบขึ้นมา เอ๊ย! ทอง เราก็เดินเข้าไปถามร้านเขา เฮียครับ ชื่อ เฮียตี๋เล็ก เยาวราช ก็ขอบคุณนะ ผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เฮียครับ นี่ใช่ของเฮียไหม ดูก่อน ของอั๊ว ลื้อจะขายเหรอ เปล่าครับ ผมเห็นมันหล่นอยู่หน้าร้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลิว คงติดรองเท้าหรือใครทำหล่น คืนเฮียละกัน ผมก็เดินออก เขาบอก เฮ้ย! เดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้ มาซื้อกาแฟให้อั๊วนะ มาอยู่ที่ร้าน"

เจ้าของร้านทอง ไม่เพียงให้โอกาส เค เยาวราช ได้ขายทอง แต่ยังสอนให้เป็นช่างทำทองอีกด้วย พร้อมแนะวิธีทำมาหากินด้วยการออกไปรับซื้อของเก่า เศษเงิน เศษทอง ฯลฯ ซึ่งเค เยาวราช ก็ทำได้ดี และมีกำไรจำนวนมาก เมื่อดูท่าว่าจะรุ่งทางนี้ เค เยาวราช จึงได้ไปเปิดร้านรับซื้อของเก่าที่สวนจตุจักร ตามคำแนะนำของเจ้าของร้านทอง

จากชีวิตที่เกือบจะต้องไปนอนในคุกแทนบ้าน เมื่อถึงจุดที่ชีวิตเริ่มยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง เค เยาวราช จึงเริ่มแบ่งปันให้คนยากไร้-คนไร้บ้าน เพราะเขารู้ว่า "การไม่มี" มันเป็นอย่างไร?

"พอเราเริ่มมีทุน เราก็ไปซื้อกับข้าวแจกคนไร้บ้านแถวสนามหลวงบ้าง"

เมื่อเงินเหมือนหาได้ง่าย เค เยาวราช เริ่มใช้เงินไม่เป็น จนเกิดปัญหา ทำให้ชีวิตต้องล้มลุกคลุกคลานอีกครั้ง แต่สุดท้าย ก็ได้เฮียตี๋เล็ก เจ้าของร้านทอง และพ่อบุญธรรมที่สวนจตุจักร ช่วยไว้ เขาจึงลุกขึ้นได้อีกครั้ง และได้เปิดร้านพระเครื่องที่ห้างบางลำภู งามวงศ์วาน (ปัจจุบันคือพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน) ซึ่งกิจการเจริญรุ่งเรืองดี

หลังชีวิตกลับมายืนได้อีกครั้ง เค เยาวราช เริ่มทำงานเพื่อสังคม ทั้งการเป็นจิตอาสาในงานต่างๆ และการทำอาหารไปแจกคนไร้บ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ที่หัวลำโพง

"เราเคยจนมาก่อน ลำบากมาก่อน มาถึงจุดนี้ได้ด้วยความพยายาม หมั่นเพียร ขยัน อดทน เก็บหอมรอมริบ ทำมาได้ทุกวันนี้ เรายืนได้แล้ว เราถือว่าเรามีความสุข ทุกวันนี้อยากได้อะไรก็มีแล้ว เราแบ่งปันความสุขให้คนที่ไร้บ้านหรือคนที่เขาจน"

นอกจากการแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้แล้ว เค เยาวราช ยังได้เพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง ด้วยการเรียน กศน. ก่อนเรียนต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่เท่านั้น ยังเรียนที่โรงเรียนเสนาธิการทหารด้วย

"เป็นภาคประชาชนที่ได้เรียนรุ่นแรก (ถาม-อะไรทำให้อยากเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเสนาธิการทหาร?) เราอยากได้ความรู้ และพัฒนาตัวเรา และพัฒนาความเป็นจิตอาสาเพื่อวางแผนทำงาน เวลาจะออกพื้นที่ ต้องวางรถกี่คัน น้ำมันกี่ลิตร เสบียงเท่าไหร่ อาหารเท่าไหร่ เราใช้ได้หมด ในการสอนวิชาของโรงเรียนเสนาธิการทหาร ถ้าเราทำงาน เอากับข้าวไปตรงนี้ ถ้าไม่สำเร็จทำอย่างไร อาจต้องให้คนแบกไป แผน 2 แผน 3 จนสำเร็จลุล่วง แม้กระทั่งงานถ้ำหลวง ถ้าไม่เรียนที่นั่น ผมก็จะไม่มีการวางแผนที่ดี ผมไปถ้ำหลวง วางแผนที่ดี ตัดไม้ไผ่ วางรถเสบียงไว้ข้างล่าง เพื่อทำครัว เอารถที่อพยพคนได้ทำงานได้ขึ้นไปรับหน่วยซีล ลำเลียงของ"

ความมีจิตอาสาของ เค เยาวราช ที่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังคม เพื่อนร่วมชาติ ตลอดจนการไปทำอาหารเลี้ยงคนไร้บ้านอย่างสม่ำเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้านหนึ่งอาจมองได้ว่า เพราะเขาเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เขารู้ว่า การต้องอยู่ในภาวะไม่มี มันเป็นอย่างไร แต่อีกด้านหนึ่ง เพราะเขารู้แล้วว่า การมีทุกสิ่งที่อยากมี ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของชีวิตเสมอไป เพราะต่อให้มีมากแค่ไหน เวลาตาย ก็เอาไปไม่ได้ สิ่งที่จะติดตัวไปได้ก็คือ บาปบุญที่ทำไว้ต่างหาก

"สมัยก่อนเราจน เราก็อยากได้อยากมีรถ มีบ้าน กินอยู่ที่ดี กินเหล้าแพง ดูดบุหรี่ซิการ์ กินสเต๊ก กินปู หูฉลาม ไปเที่ยวเมืองนอก มีรถดีๆ ขี่ เราก็อยากมีอยากเป็น เหมือนที่เขามี เขาเป็น เราผ่านจุดนั้นแล้ว เรารู้แล้วว่าอันนั้นคือสิ่งจอมปลอม แค่ชั่วคราว เพราะเรากินของแพงๆ ก็แค่อิ่ม ใช้รถอะไร ก็แค่ไปถึงที่เหมือนกัน จะขับรถดีไม่ดี ก็แค่ช้าหรือเร็ว แค่ไม่โก้เท่านั้น แอร์อาจจะเย็นน้อยกว่าก็ไม่เป็นไร แต่ก็ถึง พอผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมจึงเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งจอมปลอม สิ่งจริงๆ ที่จะมีในชีวิตเราคือ บุญกับบาป ผมเชื่อว่า มันจะติดตัวเราไปจนตาย"

ทุกวันนี้ของ เค เยาวราช มีความสุขกับการเป็นจิตอาสา มีความสุขกับการให้ เขายังฝากคำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่อยากเป็นจิตอาสาด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องมีเงิน หรือมีรถ ก็สามารถเป็นจิตอาสาได้

"ท่านที่อยากเป็นจิตอาสา ไม่จำเป็นต้องมีรถ แค่เดินไปตามถนนเจอถุงพลาสติก เก็บทิ้ง เจอไม้ลูกชิ้นหล่น แก้วแตก หรือขับรถไป เจอสื่งกีดขวาง แต่ดูอันตรายด้วย นั่นก็เป็นผลบุญที่เหมือนจิตอาสาแล้ว ผมเคยเจอเคสหนึ่งที่อนุสาวรีย์ชัยฯ มีถุงพลาสติกตกอยู่บันไดขั้นสุดท้ายแล้ว มีคนเดินมาเหยียบถุงพลาสติก ลื่น หัวแทบฟาดพื้น มีคนหัวเราะ แต่มีอีกคนเข้าไปอุ้มขึ้นมา ท่านอยากเป็นคนไหน อยู่ที่ท่านเลือก ถ้ามีคนจิตอาสาเก็บถุงพลาสติกนั้น คนนี้ก็จะไม่ลื่น เพราะอะไร เพราะคนที่ลื่นเขาตาบอด ผมเลือกที่จะเป็นคนอุ้ม เข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา และเก็บถุงพลาสติกนั้นทิ้ง ผมไม่ได้เป็นคนนั่งหัวเราะดีใจเขาล้ม ท่านทำได้หมด จิตอาสาทำได้หมด"

"(ถาม-คิดจะทำจิตอาสาแบบนี้อีกนานแค่ไหน?) ผมไม่คิดอย่างนั้น ไม่คิดจะทำไปถึงไหน ทำไปเรื่อยๆ เราไม่รู้บุญเรามีแค่ไหน บาปมีแค่ไหน เราตายเมื่อไหร่ไม่รู้ ทำไปเรื่อยๆ ถ้าบุญส่งให้เราทำมาก ยิ่งทำมาก ยิ่งช่วยคนได้เยอะ ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ จนตายอะ"

ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos




กำลังโหลดความคิดเห็น