xs
xsm
sm
md
lg

อยู่เพื่อลูก! พ่อแม่ตัวอย่างสู้เพื่อลูกพิการ 2 คน ความจน-ตกงาน เกือบทำให้ “ฆ่าตัวตายหมู่”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2561 พาคุณผู้ชมไปพบกับเรื่องราวของพ่อแม่คู่หนึ่ง ที่มีลูกชายพิการทั้ง 2 คน ความลำบากของทั้งคู่ ไม่ได้อยู่แค่ว่า คนหนึ่งต้องออกจากงานมาดูแลลูก ทำให้เหลือเสาหลักในการหาเงินเพียงคนเดียว แต่โชคชะตายังพาให้เสาหลักตกงาน เมื่อมีแต่รายจ่าย รายได้ไม่มี จึงคิดสั้น เกือบฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว อะไรทำให้ครอบครัวนี้ผ่านจุดนั้นมาได้....



คุณเอก หรือเอกสิทธิ์ จันทร์สนิท และคุณน้ำค้าง หรือบงกช จันทร์สนิท ภรรยา ไม่เคยคิดว่า ลูกชาย 2 คนของตัวเองจะพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกเกิด ก็ปกติสมบูรณ์ดี แต่พอลูกป่วยด้วยอาการตัวร้อน และชัก ตอนอายุได้ 1 ขวบ 8 เดือน ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกไม่เหมือนเดิมในเวลาต่อมา

“นอนโรงพยาบาลประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ (ถาม-หมอว่าอย่างไร?) เขาก็ไม่ได้บอกว่าลูกเป็นอย่างไร หลังลูกชักแล้ว เขาเจาะเอาน้ำไขกระดูกสันหลัง เขาบอกว่า หมอต้องการรู้ว่ามันจะมีเยื่อไข้สมองอักเสบไหม พอเช้ามา เขาก็ไม่ได้บอกผลเรา เราถาม เขาก็เฉย พอเด็กฟื้นไข้ หมอก็สั่งให้กลับบ้าน อยู่โรงพยาบาลอาทิตย์กว่า หมอสั่งให้กลับบ้าน” แม่น้ำค้างเล่าด้วยความสงสัยเหมือนกันว่าลูกป่วยเป็นอะไรแน่

เริ่มเห็นความผิดปกติของลูกตอนไหน?

“เริ่มผอมก่อน และไม่พูด เขาไม่เล่นเหมือนเมื่อก่อน ไม่ยิ้ม นิ่งๆ ไม่คลาน” พ่อเอกเล่าอาการผิดสังเกตของลูก

“เราก็ผิดสังเกต ลุกขึ้นมาชงนม แล้วลูกเราเคยลุกขึ้นมาหยิบขวดนมเอง ทำไมอยู่ๆ นอนอย่างเดียว พูดคุย ก็ไม่หัวเราะเหมือนเมื่อก่อน ไม่ออกเสียงเลย เลยพาไปให้หมอดูว่า ทำไมหลังจากลูกฟื้นไข้จากโรคลมชัก ทำไมลูกไม่ลุกขึ้นมาเดิน ไม่พูด ไม่อะไร หมอก็หาสาเหตุไม่เจอ หลังจากนั้นเขาบอก ลูกต้องกินยากันชักตลอดนะ อย่าหยุด นอกจากหมอสั่งให้หยุดเอง” แม่น้ำค้างยืนยันหมอก็หาสาเหตุไม่เจอว่าทำไมลูกผิดปกติ

แม้หมอจะเคยถามว่า คุณเอกและคุณน้ำค้างเป็นพี่น้องกันหรือไม่ เพราะยีนของทั้งคู่ตรงกัน อาจเป็นสาเหตุให้ลูกพิการ แต่คุณเอกและคุณน้ำค้างก็ยืนยัน ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน

ทุกวันนี้ แม่ลูกคนโตจะอายุ 28 แล้ว ขณะที่คนน้องอายุ 23 แต่ทั้งคู่ก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ภาวะพิการของลูก ส่งผลให้คุณเอกต้องเป็นเสาหลักทำงานหาเลี้ยงครอบครัว 4 ชีวิต ส่วนคุณน้ำค้าง ต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก หากช่วงไหน คุณเอกทำงานไม่ไหว ก็ต้องสลับออกจากงานมาดูแลลูก เพื่อให้ภรรยาไปหางานทำแทน

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณเอกตกงาน ยังหางานใหม่ไม่ได้ ขณะที่รายจ่ายมีทุกวัน เพราะบ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ จึงคิดจบชีวิตครอบครัวให้ตายพร้อมกันทั้งหมด

“ตอนนั้นยังไม่มีบ้าน เช่าบ้านอยู่ ขี่มอไซค์ ผมขับ แฟนซ้อนท้าย ลูกนั่งตรงกลาง วิ่งผ่านหน้าโตโยต้าเก่าที่มีทางรถไฟ ผมกะบิดเลย บิดแล้ว กะชนรถไฟ (ถาม-อะไรทำให้เราคิด และบิดรถไปหารถไฟ?) มันหลายอย่าง ตกงาน กลัวลูกลำบาก ครอบครัวไม่ไหว” คุณเอกกับนาทีที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่

“พอเห็นรถไฟมา เราก็สะกิดเขา หนูนั่งท้าย ลูกนั่งตรงกลาง หนูแค่สะกิดเขาว่า พ่อจะทำอะไร เพราะเห็นเขาบึ้นรถ จะพุ่งหารถไฟ ก็ถามเขาว่าจะทำอะไร ถ้าเราตายทั้งสองคน ถ้าลูกไม่ตาย มันจะลำบากไหม คนอื่นแย่กว่าเรายังมีเลย ถ้าลูกไม่ตาย ลูกจะอยู่กับใคร เราก็บอกว่าใจเย็นๆ มันมีทางออก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาทางออกกันก็ได้ เรากลับบ้านก่อนได้ไหม เห็นไหมลูกนั่งมองตาดำๆ ไม่คิดถึงลูกเหรอ” คุณน้ำค้างพูดเพื่อดึงสติสามีให้หยุดความคิดฆ่าตัวตายหมู่

หลังล้มเลิกความคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตของครอบครัวนี้ก็เริ่มดีขึ้น ได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างมากขึ้น

“เมื่อก่อนเขาเช่าบ้านอยู่ พี่ก็ขอบ้านเทิดไท้ บ้านของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ท่านทรงมอบให้ พอได้บ้านหลังนี้ ก็ไม่ต้องไประหกระเหิน ตระเวนเช่าบ้านโน้นบ้านนี้ …ชีวิตความเป็นอยู่เขาน่าสงสาร ทุกวันนี้พี่ก็ให้กับข้าวกินนะ พอพี่ได้กับข้าวมา ก็จะซื้อข้าวให้ บางทีไปเอาที่ร้านให้ วันละ 3 ถุงมั่ง 2 ถุงมั่ง ให้ทุกวัน” นันทนา ศรัณย์วรกุล กำนัน ต.พงสวาย จ.ราชบุรี หนึ่งในผู้ที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้คุณเอกและครอบครัว

“อาตมาก็ไปเยี่ยม เป็นอยู่อย่างไร สิ่งหนึ่งที่พอช่วยได้เบื้องต้นคือ วีลแชร์ สำหรับลูกชายเขาทั้ง 2 คน ส่วนหนึ่งก็ได้บอกบุญกับญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดว่า หมู่บ้านของเรามีคนในชุมชนมีความเป็นอยู่อย่างนี้ มีภาระอย่างนี้ ต้องการกำลังใจ สิ่งหนึ่งที่เราช่วยได้น่าจะหาวีลแชร์ไปช่วยเขาในเบื้องต้น ชุมชนส่วนใหญ่เมื่อเห็นด้วยเหตุด้วยผล ทราบความจริงก็ช่วยกัน” พระครูโสภณปัญญาวรวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดท้ายเมือง จ.ราชบุรี ให้ความช่วยเหลือครอบครัวคุณเอกเช่นกัน

พ่อแม่อดข้าวไม่เป็นไร ขอแค่ลูกอิ่ม

“(ถาม-พ่ออยากได้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง?) ของใช้ของลูกเท่านั้น สำหรับผมอยู่ได้ทั้งนั้น ผมอย่างไรก็ได้ เย็นกินข้าว เช้ากินข้าว ไปทำงาน หารายได้ให้ลูกให้เมีย (ถาม-ตัวเองเหนื่อยไม่ว่า?) ให้ลูกอิ่ม ลำพังพ่ออด ไม่เป็นไร ห่วงลูกอด ผมบอกแฟนว่า เราจะอดอย่างไร ไม่เป็นไร เช้ามาลูกต้องอิ่ม ตกเย็นลูกต้องอิ่ม เท่านั้นแหละ”

แม้ชีวิตต้องลำบากแค่ไหน แต่คุณเอกและคุณน้ำค้างก็พร้อมอยู่เพื่อลูก ทำให้ลูกมีความสุขที่สุด ส่วนความสุขของผู้เป็นพ่อแม่ก็คือ ได้เห็นรอยยิ้มลูก

ทุกวันนี้ ไม่เพียงสุขภาพของลูกเท่านั้นที่พ่อแม่ต้องดูแล แต่สุขภาพของพ่อแม่ก็มีปัญหาเช่นกัน โดยคุณน้ำค้างมีทั้งโรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และเริ่มเป็นโรคหัวใจ ขณะที่คุณเอกก็อาจจะทำงานได้อีกไม่เกิน 5 ปี

“ผมก็บอกเขาว่า อีกไม่เกิน 4-5 ปีนี่ อาจจะไม่ไหวแล้วนะ เพราะตอนนี้แขนข้างซ้ายผม เริ่มไม่มีแรงแล้ว เคยเอ็นฉีกเกือบขาด สภาพร่างกายด้วย เขาบอก ไม่เป็นไร ไม่ไหวก็ออกมา”

“ตอนนี้ให้เขาดูแลรักษาตัวเองดีๆ อยู่เพื่อลูกไปก่อน ถ้าทำไม่ไหวจริงๆ หนูก็ต้องออกไปทำเป็นคนต่อไป”
คุณน้ำค้างพร้อมออกไปหางานทำ ถ้าสามีไม่ไหว

พ่อแม่อดห่วงไม่ได้ จะมีชีวิตอยู่ดูแลลูกได้นานแค่ไหน?

“หนูคุยกับแฟนว่า เราภาวนา ให้ลูกไปก่อนเรา อย่าให้เราไปก่อนลูกนะ ถ้าเราไปก่อน ถ้าลูกอยู่กัน 2 คนจะลำบาก ไม่มีคนดูแลเขา”

หากคุณผู้ชมท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือครอบครัวคุณเอกและคุณน้ำค้าง สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารออมสิน สาขาราชบุรี ชื่อบัญชี นางบงกช จันทร์สนิท เลขที่บัญชี 020-096-054-547

ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

รับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos




กำลังโหลดความคิดเห็น