รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ดูดกลุ่มชลบุรีร่วมก๊วนคสช.:การเมืองไทยไม่มีอะไรใหม่ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2561
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาในการแต่งตั้งให้นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ถือเป็นการเปิดหน้าไพ่เล่นที่ชัดเจนในการนำ "กลุ่มชลบุรี"เข้ามาร่วมอยู่ในถนนสายการเมืองเส้นเดียวกันกับรัฐบาลคสช.และเพื่อร่วมกันเดินไปสู่การเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า และยังถือว่าเป็นการเริ่มต้นของพลังดูดสีเขียวที่หวังจะนำเอากลุ่มการเมืองต่าง ๆ มาเป็นฐานกำลังทางการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้กันมาระยะหนึ่งแล้วว่า กลุ่มของ เนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงพรรคชาติไทยพัฒนา และกลุ่มบ้านริมน้ำของ สุชาติ ตันเจริญ ก็น่าจะ "ถูกดูด"ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แล้วก็ยังมีอีก 1 กลุ่มที่ยังอยู่ระหว่างการแทงกั๊กก็คือกลุ่ม "สะสมทรัพย์"ขาใหญ่แห่งนครปฐม แม้ว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ลุงตู่ จะเคยยกทีมระดับบิ๊กขึ้นไปเจรจากันถึงในสนามกอล์ฟจนเป็นที่ฮือฮากันมาแล้ว แต่เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา กลุ่มพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ภูมิธรรม เวชชยชัย และ พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ได้ยกทีมชุดใหญ่ไปต่อรองกันใหม่ "กลุ่มสะสมทรัพย์" จึงอยู่ระหว่างการเล่นไพ่ 2 หน้าว่าอยู่กับใครจะได้กำไรมากกว่ากัน!!
หากจับตาดูเฉพาะ”กลุ่มคุณปลื้ม" ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคสช.และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการฐานการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองสำหรับการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในสมัยหน้า และสะท้อนให้เห็นว่า"ในทางลึก"พลังดูดกำลังทำงานอย่างหนัก และเชื่อว่าต้องมีอีกหลายกลุ่ม รวมไปถึงการตั้งพรรคที่มี"สีเขียว"สนับสนุน และกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้านี้ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมีความพยายามที่จะดึงและดูดพรรคเล็กพรรคน้อยรวมทั้งกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้ามาให้ได้มากที่สุด เพื่อความชัวร์และความมั่นคงในการนั่งเก้าอี้ตำแหน่งนายกฯในสมัยหน้า เพราะค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยไม่เอาด้วยกับลุงตู่แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม หากว่ากันในทางการเมืองแล้ว ไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงและผันแปรไปตามสถานการณ์และผลประโยชน์อยู่เสมอ สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ก็พอจะชี้ให้เห็นว่า”การเมืองไทย” ไม่ว่าจะปฎิวัติ จะรัฐประหาร ล้มกระดานกันมากี่ครั้งกี่หน พรรคการเมืองไทย นักการเมืองไทย ก็ยังวนเวียนอยู่กับหน้าเดิม ๆ ที่มาคอยตามหลอกตามหลอนคนไทยอยู่ร่ำไป หรืออาจจะเรียกกันง่าย ๆ อย่างที่มีคำฮิตติดปากว่า การเมืองไทยก็คือ”สมบัติผลัดกันชม”แล้วจะหวังอะไรกับการปฏิรูปประเทศ ที่คนไทยก็ยังต้องฝันอย่างลมๆแล้งๆกันต่อไปนั่นเอง
ทีมข่าว ลึกทันใจ รายงาน