รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ชี้ทางลงสวย ๆ ให้บิ๊กป้อม ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561
ภาพที่สังคมโซเชียลตัดต่อล้อเลียนบิ๊กป้อมกับบิ๊กอิตาเลียนไทยนายเปรมชัย กรรณสูต สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวนาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม ได้ลดความร้อนแรงลงไป รวมทั้งข่าวเรื่องนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการวิคตอเรีย ซีเคร็ท ผู้ต้องหาค้ามนุษย์มีส่วนพัวพันกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากกรณีให้ยืมเงิน 300 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ว่า เงินจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีค้ามนุษย์หรือไม่ ก็กลายเป็นข่าวเล็กลงไปทันที
สำหรับเรื่องของนายเปรมชัย มีการวิเคราะห์กันว่าอาจซ้ำรอยกรณีเหตุเฮลิคอปเตอร์ทหารที่มีซากสัตว์ป่าที่ล่ามาจากป่าทุ่งใหญ่ฯ ตกกลางทุ่งนา อ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 จนกลายเป็นชนวนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เพราะมีข่าวเล่าลือกันว่ามีผู้ใหญ่ที่เรียกกันว่า “พี่นพดล” เป็นคนติดต่อสั่งการอนุญาตให้ทีมนายเปรมชัย เข้าไปในป่าทุ่งใหญ่ฯ หรือไม่? และพี่นพดลคนนี้กำลังถูกขุดคุ้ยว่าเกี่ยวกับ “บิ๊กสีเขียว” หรือคนที่มีอำนาจใน คสช.ด้วยหรือไม่? ส่วนข่าวเรื่องนาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม แม้ช่วงนี้ดูจะจางๆไป แต่ก็ยังมีเรื่องให้วิเคราะห์ตามต่อว่า ในที่สุดแล้ว บิ๊กป้อมยังจะนั่งอยู่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต่อไปได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ผลสอบของ ป.ป.ช เป็นหลัก ซึ่งนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช. เคยออกมาแถลงแล้วว่าการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งนั้น จะยื่นเฉพาะของตัวเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยจะยื่นเมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว หากทรัพย์สินใดที่ไม่ใช่ของผู้ดำรงตำแหน่งก็ไม่จำเป็นต้องยื่น
ขณะที่บิ๊กตู่ก็ได้ตอบชัดเจนเช่นกันว่า เรื่องนาฬิกาหรูนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะต้องไปว่ากันตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และไม่ได้เกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน จึงขอให้ยุติและปล่อยให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ดังนั้นคำตอบของบิ๊กตู่ และ ป.ป.ช. จึงเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่านาฬิการหรูเป็นเรื่องส่วนตัว และเมื่อไม่ใช่เจ้าของจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งแปลง่าย ๆว่า บิ๊กป้อม ไม่ผิด! เมื่อไม่ผิดแล้ว จะอยู่ในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมต่อไปได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าจะมีการชุมนุมกดดันอะไรเพียงใดหรือไม่ บิ๊กป้อมจะทนแรงเสียดทานได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ไหวก็ต้องลาออกไป เพื่อพยุงรัฐบาลเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นมากระทบและทุกฝ่ายรับได้ในคำตัดสินของ ป.ป.ช. ก็จะยังอยู่ต่อไปเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม การเลือกลาออก หลังผลการตัดสินของ ป.ป.ช.ในเรื่องนาฬิกาหรูนั้น น่าจะเป็นผลดีเพราะเมื่อได้รับการฟอกขาวแล้ว ยังถือเป็นการแสดงสปิริต ให้เห็นว่าเป็นการตัดปัญหาไม่ให้บิ๊กตู่ต้องลำบากใจและยังช่วยให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้น โดยบิ๊กตู่นั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม และมอบให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา 'บิ๊กป๊อก' รัฐมนตรีมหาดไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีคุมงานความมั่นคงก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า บิ๊กป้อม ยังมีตำแหน่งใน คสช. ทั้งในฐานะรองหัวหน้า คสช. และเป็นประธานที่ปรึกษา คสช.ที่ยังอยู่ช่วยค้ำบัลลังก์บิ๊กตู่ได้ต่อ ซึ่งถ้าเป็นตามนี้ ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ 3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม- บิ๊กป๊อก” ร่วมเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปและยังสร้างโอกาสสืบทอดอำนาจต่อไปได้ด้วย!
ทีมข่าว ลึกทันใจ รายงาน