รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ใครจะกล้าล้มบิ๊กตู่ ? ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2561
จากข่าวเรื่องที่ “บิ๊กตู่” เขียนด้วยลายมือตัวเองระบุว่า “มีสื่อกับนักการเมืองจ้องล้มรัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ต่อมาได้รับการชี้แจงจากนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องการเร่งรัดแก้ปัญหาความยากจน และเรื่องการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสรวมไปถึงเรื่อง “ธรรมาภิบาล” แต่เมื่อถูกถามย้ำว่า มีเรื่องสื่อและนักการเมืองจ้องล้มรัฐบาล และ คสช.หรือไม่ กลับอ้ำอึ้งว่ายังอ่านข้อความได้ไม่ครบ และลายมือนายกฯอ่านยาก จึงยังไม่ทราบเรื่อง เอาเป็นว่า หากเป็นจริงก็ต้องถามว่า นายกฯเพิ่งจะทราบหรือ?
หากจะว่าไปแล้ว คงไม่มีสื่อที่ไหนจะมาล้มรัฐบาลหรือคสช.ได้หรอก รวมทั้งบรรดานักการเมือง ที่ผ่านมาก็แทบกระดิกตัวไปไหนได้ยากเต็มที เพราะรัฐบาลและคสช.ก็จับจ้องความเคลื่อนไหวกันทุกฝีก้าวอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาจ้องล้มได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ก็คือ รัฐบาลและคสช.นั่นแหละจะเดินสะดุดขาตัวเองล้มไปเอง
หากยังไม่ลืมก็ลองนึกถึงคำพูดของ”ป๋าเปรม”ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษที่ท่านเตือนไว้ด้วยความเมตตาว่า “ให้ระวังกองหนุนจะหมดไป” เพราะใช้เกือบหมดแล้ว ต้องรีบสร้างกองหนุนให้กลับคืนมา ทีนี้ก็ลองมาพิจารณาดูว่า เหตุใดกองหนุนถึงได้หมดไปเรื่อย ๆ เรื่องแรกที่กำลังดังเปรี้ยงปร้างอยู่ในขณะนี้ ก็คือเรื่องนาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม เรื่องที่สองเรื่องแก้กฏหมายที่ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือปปช.ที่ต้องการให้ยกเว้นบังคับใช้เรื่องคุณสมบัติต้องห้ามและขัดรัฐธรรมนูญของกรรมการปปช.บางคน ซึ่งไม่ต้องพูดกันให้อ้อมค้อมก็น่าจะหมายถึง พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ที่ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับบิ๊กป้อมให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบ 9 ปี นี่ยกตัวอย่างมาเป็นน้ำจิ้มแค่ 2 เรื่อง ยังมีเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน เรื่องปัญหาของเกษตรกร และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ลองนั่งนิ่ง ๆ พิจารณาใคร่ครวญดูว่า ปัญหาเหล่านี้เป็น”จุดอ่อน”ของรัฐบาลและกำลังจะพัฒนาจนกลายเป็น”จุดตาย”ของรัฐบาลและคสช.หรือไม่
เชื่อว่า หากไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป แล้วเปิดใจกว้าง ๆ รับฟังความเห็นจากคนอื่นที่หวังดีจริง ๆ บ้างก็น่าจะได้คำตอบ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา ไม่ใช่พอได้ยินอะไรไม่ถูกหูถูกใจก็ฟาดงวงฟาดงาอารมณ์เสียอย่างที่ผ่านมา นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว ยังจะเสียภาพลักษณ์การเป็นผู้นำไปเปล่า ๆ และเมื่อได้รับคำตอบแล้ว รีบกำจัด”จุดอ่อน”ตอนนี้ก็ยังไม่สาย ก่อนที่จะเป็น”จุดตาย”อย่างที่บอกไว้นั่นแหละ
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน