รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ” วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2560 พาคุณผู้ชมไปพบกับชีวิตและจิตใจที่น่าศรัทธาของ “ครูอ๊อด” ผู้เคยผ่านชีวิตที่เร่ร่อน ก่อนมาเป็น “ครูข้างถนน” กระทั่งมาเป็น “พ่อ” ที่ช่วยเติมเต็มชีวิตที่ขาดโอกาสของลูกๆ (เด็กเร่ร่อน-เด็กกำพร้า) ให้กลายเป็นคนคุณภาพของสังคม
ใครจะคิดว่า ครูอ๊อด สุรชัย สุขเขียวอ่อน ผู้อำนวยการมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ที่ดูแลเด็กเร่ร่อนและเด็กกำพร้ามาเกือบ 30 ปีแล้ว เคยเป็นเด็กเร่ร่อนมาก่อน เหตุที่ครูอ๊อดต้องเป็นเด็กเร่ร่อน เพราะอยู่ในครอบครัวที่แตกแยก พ่อไปทางแม่ไปทาง เมื่อครูอ๊อดอยู่กับพ่อที่ไม่มีเวลาดูแลลูก โดยนำลูกไปฝากให้ญาติคนนั้นเลี้ยงทีคนนี้เลี้ยงที สุดท้าย ครูอ๊อดรู้สึกไม่อบอุ่น จึงหนีออกจากบ้าน ไปเร่ร่อนอยู่ที่ตลาดคลองเตย ตอนอายุ 10 ขวบ แต่ครูอ๊อดก็เร่ร่อนอยู่ได้แค่ 3 เดือน
“เราใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ระยะหนึ่ง เราก็เห็นเพื่อนถูกจับ ถูกไล่ตี ทำร้าย ติดสารระเหย เราก็กลัวเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าอยู่อย่างนี้กลัวตาย กลัวถูกทำร้าย แต่ไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อ” ครูอ๊อดบอกสาเหตุที่ต้องหยุดเร่ร่อน
เมื่อกลัวพ่อไม่มีเวลาดูแล ครูอ๊อดจึงตัดสิดใจไปอยู่กับปู่และย่า ขณะที่พ่อซึ่งพยายามตามหาลูกหลังหนีออกจากบ้าน เมื่อรู้ว่าลูกมาอยู่กับปู่ย่าแล้ว จึงมาส่งเสียให้ลูกเรียนอีกครั้ง
เมื่อลูกเริ่มโต พ่อเริ่มคาดหวังอยากให้ลูกเป็นทหารหรือไม่ก็ตำรวจ แต่ด้วยอายุเกิน ครูอ๊อดจึงไม่สามารถสมัครสอบเตรียมทหารหรือนายร้อยตำรวจได้ จึงไปเรียน ม.รามคำแหง คณะนิติศาสตร์ แม้เรียนกฎหมาย แต่ครูอ๊อดก็ไม่ได้อยากเป็นทนายความ กลับชอบช่วยเด็กเร่ร่อนมากกว่า
จากเด็กเร่ร่อน ครูอ๊อดเริ่มเข้าสู่บทบาทของ “ครูข้างถนน” ให้ความช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนเท่าที่จะช่วยได้ แล้วครูอ๊อดมาเป็นผู้อำนวยการมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ที่ดูแลเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า มากถึง 200 ชีวิตได้อย่างไร?
"คุณพ่อเออร์วิน กรอบลี่ มิชชันนารีชาวสวิตเซอร์แลนด์ มาอยู่ไทย เป็นสจ๊วตสายการบินสวิสแอร์ พบเด็กเร่ร่อนแถวรามคำแหง สงสาร เลยให้เด็กไปพักและอาบน้ำที่อพาร์ตเม้นท์ เด็กก็ชวนเด็กเร่ร่อนมาหลายคน ท่านเลยคิดว่าน่าจะมีบ้าน ก็เลยทำบ้านเล็กๆ อยู่ในซอยสุขุมวิท 77 ปี 2532 ตอนนั้นผมเป็นครูอาสาสมัคร เรียกว่าครูข้างถนน เป็น นศ.รามฯ ไปเจอเด็กเหล่านี้ ก็พยายามช่วย แต่มีเด็กกลุ่มหนึ่ง อายุประมาณ 9-10 ขวบ อยากเรียนหนังสือต่อ ปัญหาของผมคือ จะให้เรียนยังไง ก็มีคนแนะนำให้รู้จักคุณพ่อเออร์วิน มีบ้านเล็กๆ อยู่ ก็บอกท่านว่าอยากให้เด็กเหล่านี้มีบ้าน เลยพาเด็กเหล่านี้มาอยู่ที่บ้านนกขมิ้น" ครูอ๊อดย้อนภาพที่มาของบ้านนกขมิ้น ก่อนที่จะได้เข้ามาสืบสานการดูแลเด็กๆ ต่อจากคุณเออร์วินในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน บ้านนกขมิ้นมีสาขาทั้งหมด 7 แห่ง 7 จังหวัด สำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ บ้านนกขมิ้นไม่เพียงเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กเร่ร่อนและเด็กกำพร้า ที่มีพ่อแม่อาสาสมัครดูแลอบรมสั่งสอนให้ความรักความเอาใจใส่เด็กๆ เหล่านี้เหมือนลูกของตนเอง แต่ยังให้โอกาสเด็กได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรีด้วย
“พ่อแม่หย่าร้างกัน ผมอยู่กับย่า ยากจนมากๆ ขนาดที่ต้องขโมยของเพื่อนบ้านข้างบ้านกิน...” ปกรณ์ ยุทธภัณฑ์พระคุณ คือ 1 ในผู้ที่ได้รับการดูแลจากครูอ๊อดและบ้านนกขมิ้น จนวันนี้เขากำลังเรียนด้านโลจิสติกส์อยู่ และตั้งใจกลับมาช่วยงานมูลนิธิบ้านนกขมิ้น
เกือบ 30 ปีที่ครูอ๊อดและบ้านนกขมิ้นได้ให้ความรัก ให้โอกาสและหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้แก่เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า แม้จะเหนื่อย แต่ก็จะเดินหน้าทำตรงนี้ต่อไป และอยากให้สังคมช่วยกัน เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีที่ยืนในสังคม รวมทั้งรู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป
“เหนื่อยเหมือนกัน เพราะการทำงานต้องมีค่าใช้จ่าย หลายคนอยากช่วย คนที่เหมือนผม แต่ไม่มีเวลา เพราะคุณต้องทำงาน ดูแลครอบครัว ผมเลยอาสาทำให้ ขณะที่สังคมก็มาสนับสนุน คุณมีมากมีน้อย ก็ให้ได้ อย่ามองที่เงินอย่างเดียว เราดูแลเด็ก เราต้องการอาหารแห้ง อาหารสด มีคนเอามาให้บ้าง ถ้ามีเยอะ เราก็แบ่งปันให้คนยากจนบ้าง หรือบ้านเด็กกำพร้าที่ไม่มี บางทีเขาก็เขียน จม.มา ครูอ๊อดช่วยหน่อย... ผมคิดว่าสังคมจะอยู่ได้ ถ้าเราให้โอกาสกับคนที่ขาดโอกาส…”
สำหรับท่านใดต้องการบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือเด็กในความดูแลของมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง หรือของมือสอง ส่งไปได้ที่ โครงการเหลือขอเพื่อการศึกษา เลขที่ 89 หมู่ 1 ซอยเสรีไทย 17 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10240 หรือหากบริจาคเป็นเงิน สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาลาดพร้าว ชื่อบัญชี มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เลขที่บัญชี 129-5-21931-3
ติดตามรับชมรายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ” ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-10.00 น. และรีรัน 22.00-23.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1