รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ยกเลิก กม.ขายฝาก ตัดไฟต้นลมหนี้นอกระบบ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2560
กรณี “ฆ่ายกครัว 8 ศพ” ที่ จ.กระบี่ ถือเป็นคดีฆาตกรรมโหดร้ายรุนแรงสะเทือนขวัญ ซึ่งมีมูลเหตุมาจากปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบ โดยมีเงื่อนปมเรื่อง “สัญญาขายฝาก” และต้องจบด้วยความตายอย่างสยดสยอง กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการปราบปรามกวาดล้างแก๊งเงินกู้นอกระบบ โดย พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ขณะนี้มีแก๊งเงินกู้รายใหญ่ที่ถูกจับตาขึ้นบัญชีดำถึง 10 แก๊ง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน มีลักษณะการปล่อยกู้แบบทำสัญญาขายฝากที่ดิน และทำธุรกิจลีสซิ่ง อีกทั้งบางแก๊งยังได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากกลุ่มคนมีสีอีกด้วย
แก๊งเหล่านี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.นายทุนในพื้นที่ มีเป้าหมายแค่ได้กำไรจากดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าตลาด 2.นายทุนที่มีอิทธิพล มีเป้าหมายมากกว่าดอกเบี้ย คือการปล่อยกู้โดยใช้สัญญาขายฝาก ซึ่งจะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบังคับข่มขู่เพื่อยึดที่ดินของลูกหนี้ และ 3.มาเฟียเงินกู้ มีเครือข่ายกว้างขวาง ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ และมีข้าราชการหรือคนมีสีให้การดูแลช่วยเหลือ แต่กลุ่มที่น่าห่วงที่สุดคือกลุ่มที่ 2 เพราะจะใช้กฎหมายมาบีบเพื่อยึดที่ดินของลูกหนี้ โดยทำสัญญารับขายฝากที่ดินในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 2-6 เดือน แลกกับการปล่อยกู้เงินก้อนโต ซึ่งระยะเวลาสั้นๆเท่านี้จึงทำให้มีลูกหนี้จำนวนมาก ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่ดินคืนได้ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียที่ดินไปให้กับนายทุนเงินกู้
จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเงินกู้นอกระบบมากที่สุดคือ หนี้ขายฝากที่ดิน รองลงมาคือหนี้เงินกู้ไร้หลักประกัน ซึ่งแก๊งเหล่านี้จะปล่อยเงินกู้ไม่สูงมากนัก แต่จะเรียกเก็บดอกเบี้ยทุกเดือนโดยไม่มีเอกสารหลักฐานอะไร ขณะที่มูลค่าของที่ดินที่ทำสัญญาขายฝากสูงกว่าวงเงินกู้มาก นายทุนจึงพยายามหาวิธีทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเพื่อจะได้ยึดที่ดินไป ถือเป็นความโหดเหี้ยม สำหรับลูกหนี้ที่ต้องสูญเสียที่ดินไปชนิดที่ไม่มีทางจะได้คืนมา
ในส่วนของการทำสัญญาขายฝากก็มีกระบวนการฉ้อโกงอยู่มากมาย เช่น ให้เงินกู้ไม่ครบตามที่ระบุในสัญญา , มีการแก้ไขตัวเลขเงินกู้ให้สูงกว่าที่ตกลงกับลูกหนี้, เจ้าหนี้ไม่ยอมให้เอกสารสัญญากับลูกหนี้, ที่สำคัญเจ้าหนี้จะพยายามทำทุกวิถีทางให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเพื่อให้ที่ดินตกเป็นของตนเอง เช่น ไม่ยอมพบลูกหนี้เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน หรือได้รับชำระเงินกู้ตามสัญญาแล้วแต่ไม่ยอมคืนโฉนดให้ลูกหนี้ เป็นต้น ปัญหาเงินกู้นอกระบบยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไปอีกหลายชนิด เช่น “เงินกู้ต่างด้าว” โดยเจ้าหนี้ให้คนต่างด้าวทำสัญญาเงินกู้เพื่อผ่อนบ้านกับเจ้าหนี้ โดยหลอกว่าสามารถทำให้ต่างด้าวมีกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินในประเทศไทยได้ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรืออีกรูปแบบคือ “เงินกู้ไปทำงานต่างประเทศ” โดยเจ้าหนี้ ใช้วิธีชักชวนให้ชาวบ้านไปทำงานต่างประเทศ พร้อมออกเงินกู้ให้นำไปใช้เป็นค่าดำเนินการต่าง ๆ และหักเงินจากค่าแรงที่ได้รับ โดยให้ผู้ที่จะไปทำงานต่างประเทศต้องทำบัตรเอทีเอ็มแล้วเก็บบัตรไว้ที่เจ้าหนี้ เมื่อเงินเดือนออกก็ให้บริษัทในต่างประเทศโอนเข้าบัญชีเอทีเอ็มของลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้อ้างว่าส่วนหนึ่งจะหักเป็นเงินกู้และอีกส่วนจะส่งให้ครอบครัวของลูกหนี้ แต่จริง ๆ แล้วเก็บไว้เองทั้งหมด หนำซ้ำบางรายเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้แล้วก็ไม่ยอมลดหนี้ให้ตามสัญญาอีกด้วย
จากปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นความโหดเหี้ยมของแก๊งเงินกู้นอกระบบที่ใช้วิธีการทำนาบนหลังคนเพื่อสร้างร่ำรวยให้กับตนเอง ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องเข้าไปจัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งพันตำรวจเอกดุษฎี เห็นว่า มีแนวทางแก้ปัญหา 2 วิธี คือการแก้ไขกฎหมายขายฝากเพื่ออุดช่องโหว่ต่าง ๆ หรือยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปเลย เพื่อเป็นการตัดไปแต่ต้นลม ซึ่งทีมข่าวลึกทันใจเห็นว่า จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใดก็รีบๆพิจารณาลงมือทำให้เร็วที่สุด เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อบรรดาแก๊งนายทุนเงินกู้เหล่านี้อีกต่อไป
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน