"อัษฎาวุธ" บรรณาธิการนิตยสารออโต้คาร์ไทยแลนด์ ทายาทรุ่นที่ 2 ของ"น้าเดช" เผยจุดเริ่มต้นการจัดตั้งรายกวิทยุด้านรถยนต์ สถานีแรก B-DRIVE รู้จริงเรื่องรถ รวมถึงตอบทุกข้อสงสัยทุกเรื่องราวแวดวงยานยนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ของเมืองไทย
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ หรือบอมบ์ ลูกชายของ นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ สื่อสารมวลชนด้านยานยนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นอาจารย์หรือครู และสื่อมวลชนนิยมเรียกว่า น้าเดช ซึ่งลูกชายของน้าเดชได้สืบทอดเกี่ยวกับด้านรถยนต์เป็นรุ่นที่ 2 และมีรายการที่ได้ผลิตขึ้น ชื่อรายการโทรทัศน์ว่า "B-Drive รู้จริงเรื่องรถ" ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 09.30-10.00 น. ผ่านยูทูปช่อง พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ official chanel
โดยร่วมพูดคุยผ่านรายการ พระอาทิตย์LIVE ช่อง News1 นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ กล่าวว่า ผมขอแก้ไขก่อนนะครับว่าผมกลัวมากเวลาคนเรียกผมว่ากูรูหรืออาจารย์ เพราะถ้าเรียกกูรูเหมาะกับรุ่นใหญ่ เช่น คุณพ่อของผม สามารถเป็นกูรูเพราะว่าในสมัยก่อนการทำรถยนต์สักคันหนึ่งหรือขับรถยนต์สักคนหนึ่ง เขาต้องค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเองมันไม่มีอินเทอร์เน็ตทำให้ลำบากมาก ส่วนคำว่าอาจารย์มันให้ความรู้สึกว่าเราแก่ดูอายุเยอะ บางทีโดนเรียกว่าอาจารย์ เราก็คิดว่าเราตอบถูกหรือตอบผิดกันแน่ คือสิ่งที่เราบอกให้คนดูคนฟังต้องบอกให้เขารู้ในใจเท่านั้น แต่เราไม่สามารถไปบอกว่าอันนี้ต้องลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะว่าเรื่องของกลไกรถยนต์เดี๋ยวนี้มันมีเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ ฉะนั้นเวลาใครเรียกผมว่ากูรูหรืออาจารย์ ผมมักเลี่ยงคำพวกนี้ เพราะคำพวกนี้ทำให้ผมรู้สึกแบกภาระไว้เยอะ
บรรณาธิการนิตยสารออโต้คาร์ไทยแลนด์ กล่าวต่อว่า เรื่องเทคนิคต่างๆ ของรถยนต์ แต่ก่อนเราอาจจะคุยกันว่าเรื่องปัญหาเรื่องรถ เราจะซ่อมรถยังไง แต่เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ไม่ต้องรู้ว่าจะซ่อมรถยังไง รู้ว่ารถเป็นแบบนี้ควรจะไปหาช่าง และช่างจะบอกเรา พอเรารู้บางจุดที่เรารู้ รู้เพื่อที่เราจะได้ไม่โดนหลอก ส่วนการเรื่องซื้อรถยนต์ผมเป็นคนชอบขับรถยนต์มาก เรียกได้จะเรียกรถยนต์ เพราะว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ทำให้เราเรียนรู้ในเรื่องของสมรรถนะของรถ เราได้เห็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของชาวบ้าน เช่นการใช้ถนน วิธีการขับรถของคนอื่น จุดที่เป็นจุดเสี่ยงอันตรายทั้งหลาย ทำให้ได้เราเปิดโลกทรรศน์ของตัวเอง สุดท้ายทำให้เราเพลิดเพลิน เพราะผมโตมาด้วยโครงสร้างครอบครัวของผมที่คุณพ่อสร้างมาแบบนี้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่ทำงานเยอะมีเวลาน้อย ทำให้ไปเที่ยวที่ไหนก็แล้วแต่เราจะใช้รถยนต์
"และคุณของผมที่คติว่าอะไรก็ตามที่ไปทำงานด้วยได้เงินด้วยจะเอาลูกไปด้วยเพื่อให้ลูกมีประสบการณ์ทั้ง 3 คน เพราะฉะนั้นพี่หลายๆ คนที่รู้จักถ้านับอายุแล้วเขามากกว่าผม แต่ถ้านับอายุอาวุโสผมน่ามีมากกว่าเพราะผมเริ่มเป็นผู้ช่วยคุณพ่อทำงานจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ 7 ขวบ คอยยกขากล้อง เตรียมข้อมูลของสเปครถที่เราจดเอาไว้ คอยดูพี่ๆ ช่างภาพเขาถ่ายรถว่าเขามีมุมกล้องยังไง พอเราเริ่มจัดรายการวิทยุคุณพ่อก็บอกว่าให้ผมเริ่มทำเป็นผู้ดำเนินรายการ แล้วมีผู้เชี่ยวชาญมาตอบ มันทำให้เราซึมซับไปเรื่อยๆ ช่วงที่จัดรายการวิทยุผมอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 1 ตอนนั้นที่จัดเพราะยังไงไม่มีรายการวิทยุที่เกี่ยวกับเรื่องรถ ถ้าไม่มีรายการวิทยุคนที่มีปัญหาเรื่องรถก็จะเขียนจดหมายมา และจะต้องรอนิตยสารตอบกลับมาในเล่ม และหลายครั้งที่มีคนถามผมว่าเริ่มทำงานเมื่อไรผมก็จะตอบไม่ได้" นายอัษฎาวุธ กล่าว
นายอัษฎาวุธ กล่าวต่อว่า พอช่วงปี 2540 คุณพ่อคิดหาวิธีทำยังไงให้สื่อสารได้เร็วยิ่งขึ้น เราจึงรายการวิทยุขึ้นมา เพราะสื่อถึงได้ง่าย และมีช่วงหนึ่งที่คุณพ่อไม่สามารถทำได้เนื่องจากต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศไม่มีคนจัดแทน ผมเลยอาสาบอกกับคุณพ่อว่าจะจัดเองคุณพ่อกับคุณแม่ก็ให้จัด แต่มีข้อจำกัดว่าเรามีประสบการณ์น้อย ปัญหาเรื่องรถบางอย่างเราตอบไม่ได้ จะมีความอนุเคราะห์จากบริษัทรถยนต์ส่งช่างที่ชำนาญการมานั่งคู่กับเรา ซึ่งบางทีช่างที่มาก็มีใช้คำพูดของช่างทำให้คนที่ถามเข้ามาจะไม่เข้าใจ เราจึงต้องแปลเป็นภาษาที่ทำให้คนที่ถามเข้าใจง่ายๆ
"ส่วนเรื่องการเรียน สมัยก่อนผมเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ตอนมัธยมปลายเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่สนใจเรียนหนังสือ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยผมอยากเรียนที่รู้สึกสบายๆ แล้วมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาบอกว่าทำไมไม่เรียนจิตวิทยาล่ะ ดูน่าสนใจ ผมก็เรียกเรียนจิตวิทยาด้านเกี่ยวกับให้คำปรึกษา เข้าไปทำกิจกรรมตามบ้านเมตตา ไปดูพฤติกรรมของคนเป็นยังไง แต่มาหักเหตอนเรียนปริญญาโทว่าถ้าเรียนจิตวิทยาต่อไปเราจะทำอะไร มาเห็นที่บ้านมีกิจการ เราเลยเลืยกเรียนบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ไปเรียนที่นู้นผมก็ยังสนใจเรื่องรถอยู่ ผมก็หารถเช่าขับ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มขึ้น" หัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสารออโต้คาร์ไทยแลนด์กล่าว
ทั้งนี้ นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ ได้ฝากทิ้งท้ายสำหรับผู้ใช้รถว่า "การที่เราไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เราสามารถรู้ข้อมูลเบื้องต้น แต่เราต้องเอาข้อมูลนั้นมาดูว่าใช้ได้จริงไหม เพราะฉะนั้นในรายการ B-DRIVE จะบอกเทคนิคคลิปที่กำลังได้รับความสนใจ เราจะเอานั่งดูกันก่อนแล้วจะมาวิเคราะห์ให้ผู้ชมได้รับทราบ และขอฝากรายการ B-DRIVE รู้จริงเรื่องรถ ได้ทุกวันอาทิตย์ทางช่อง News1 ที่จะมาให้ความรู้ทั้งรถใหม่ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ รถมือสอง การขับขี่อย่างปลอดภัย รวมถึงการดูแลรักษารถต่างๆ ผมและทีมงานเอาข้อมูลเรื่องจริงมาให้ผู้ชมรับทราบกันอย่างถูกต้อง"