รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน เรื่องเน่าๆ ในกรมศุลฯ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2560
กรมศุลการกร เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งทุจริตคอร์รัปชั่นสูงที่สุดหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งถูกร้องเรียนในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกให้สินค้าทุกอย่างผ่านระบบศุลการกรออกมาได้อย่างรวดเร็ว อย่างกรณีล่าสุดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจค้นและอายัดรถหรูไว้ 160 คัน พร้อมเตรียมเอาผิดกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 9 รายที่มีอดีตรองอธิบดีกรมศุลฯเข้าไปเกี่ยวข้องก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน
นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องเน่า ๆ ที่เกิดขึ้นในกรมศุลกากรอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการ‘ปลอม’ใบอนุญาตที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขบวนการทั้งคนในและคนนอกร่วมมือกันเบียดบังผลประโยชน์ชาติ หากได้ขุดคุ้ยข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกในช่วงปัจจุบันถึงก่อน 10 ปีที่จะหมดอายุความตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ก็จะพบว่ารัฐสูญเสียรายได้จากตรงนี้ไปเท่าไร และยังสามารถรู้ได้ว่าขบวนการปลอมแปลงเอกสาร ไม่ได้มีแค่คนในกรมศุลกากรเท่านั้น ยังมีตัวการที่นั่งลอยนวลหรือร่ำรวยกับวิธีการเช่นนี้โดยที่รัฐไม่สามารถเอาผิดได้เลย
ทีมข่าวลึกทันใจพบว่า เพียงแค่เรื่องของเอกสารปลอมเพียงเรื่องเดียวก็ทำให้เจ้าของบริษัท และเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานร่ำรวยกันมหาศาล ขณะที่รัฐต้องเสียรายได้มหาศาลเช่นเดียวกัน
เรื่องของเอกสารปลอมที่ว่าก็คือ กรณีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ที่ผ่านมาในรายที่กรมศุลฯจับกุมได้ เมื่อสอบถามไปยังบีโอไอ ก็จะได้คำตอบมาว่า บีโอไอ ไม่ได้เป็นผู้ออกเอกสารดังกล่าว ก็เลยกลายเป็นเอกสารปลอม เมื่อเป็นเอกสารปลอม รัฐจึงต้องสูญเสียรายได้จากภาษีและผลประโยชน์มหาศาลที่พึงได้ เพราะบริษัทที่เข้ามาลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีและผลประโยชน์ต่างๆ เป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอซึ่งเป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิค หากตรวจสอบกันจริง ๆ ก็จะรู้ว่าสินค้าเป็นของบริษัทใด เพราะมีชื่อคนมารับสินค้าชัดเจน แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้เดินต่อไม่ได้ เพราะจะมีคนมากระซิบให้เจ้าหน้าที่หยุด ซึ่งตรงนี้คงสืบได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนกระซิบและมีใครอยู่เบื้องหลัง?
ส่วนวิธีการช่วยเหลือกันของคนกรมศุลฯเมื่อมีการตรวจพบหรือจับกุม สำหรับพวกทำเอกสารปลอม ก็จะเป็นเพียงการแจ้งข้อหา 'สำแดงเท็จ” เท่านั้น ก็จะทำให้คดีเบา เสียค่าปรับเท่านั้นทุกอย่างก็จบ ว่ากันว่า ขบวนการเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับชาติกันเป็นหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง และช่วงนี้คงจะมีเวลาว่างมากขึ้น เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตามที่ลั่นวาจาไว้ จะใช้เวลาที่เหลือนี้เข้ามาจัดการปัดกวาดขยะในกรมศุลกากร ก็คงจะดีไม่น้อย
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน
