รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ตามล่าภาษีหุ้นชินฯ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2560
คดีโกงภาษีในการขายหุ้นชินคอร์ปฯ” ที่ยืดเยื้อยาวนานมาถึง 10 ปี จนใกล้จะหมดอายุความแล้วก็ยังไม่มีการเรียกเก็บภาษีจำนวน 17,629.58 ล้านบาท จาก “โอ๊ค-นายพานทองแท้ ชินวัตร” และ “เอม- นางพินทองทา คุณากรวงศ์” ลูกชายและลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ออกหน้าถือหุ้นและขายหุ้นแทน “นายทักษิณ” ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง ทั้งที่มีหลักฐานให้เห็นกันจะ ๆ จนกระทั่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินต้องมาตามไล่บี้กรมสรรพากรให้รีบจัดการ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมาเป็น 2 แนวทางที่จะเรียกเก็บภาษีให้กับแผ่นดินได้ แนวทางแรก ในที่ประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ควรใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820, 821 และคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ที่เรียกภาษี 12,000 ล้านบาทจากโอ๊คและเอม มาจัดการ เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 บัญญัติว่า “ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน” และมาตรา 821 ระบุว่า “บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน”
ดังนั้นเมื่อพฤติการณ์ในการขายหุ้นชินคอร์ปครั้งนี้ชี้ชัดว่า “โอ๊ค และเอม” คือตัวแทนของทักษิณ กรมสรรพากรจึงต้องไปเรียกเก็บภาษีจาก “นายทักษิณ” ซึ่งหากใช้ตามแนวทางนี้ก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะเก็บภาษีได้หรือไม่ เพราะนายทักษิณได้ส่งทนายไปยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีแล้ว กรมสรรพากรก็ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาอีก 2 ปี และหากนายทักษิณในฐานะผู้เสียภาษีไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีก็ยังสามารถฟ้องศาลภาษีอากรได้อีก ถ้าเช่นนั้น ต้องมาดูแนวทางที่ 2 ซึ่งน่าจะดีกว่าแนวทางแรกคือ ต้องให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ดูว่า คำพิพากษาคดีเรียกเก็บภาษีของนายโอ๊คกับนางเอมว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวกับการฟอกเงินได้บ้าง เพราะหากเป็นเรื่องฟอกเงินแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอายุความ ซึ่ง พลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง.บอกว่า สามารถสืบและยึดทรัพย์ย้อนหลังไปได้ แม้เวลาจะผ่านไปแล้วหลายปีก็ตาม
แนวทางนี้สอดคล้องกับการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของ สปท.ว่า “คดีโกงภาษีหุ้นชินคอร์ป” สามารถนำ “กฎหมาย ปปง.” มาตรา 3 (5) มาใช้อายัดและยึดทรัพย์นายทักษิณและพวก เพื่อนำเงินมาชดเชยเงินภาษีที่รัฐถูกโกงไปได้ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ หนึ่งในกรรมาธิการ ชี้ให้เห็นว่า ถ้าใช้ กฎหมาย ปปง. ก็จะต้องอายัดทรัพย์ทั้งหมดเพื่อมาพิสูจน์กันว่า ทรัพย์ที่ได้จากการโกงภาษีเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ ถ้าใช่ก็สามารถยึดทรัพย์คืนให้แผ่นดินได้ ซึ่งตรงนี้เป็นกฎหมายปกติที่สามารถทำได้ ไม่ใช่กฎหมายพิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ได้รับเรื่องไปแล้ว และในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ทางคณะกรรมาธิการของสปท.ก็จะเชิญเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.มาสอบถามความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งหากไม่มีอะไรตุกติก ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ก็แน่ใจได้ว่าภาษีที่โกงไปจะต้องกลับมาเป็นของแผ่นดินแน่นอน
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน