xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมชม ละครเวที "ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล" ครั้งที่ 6 นักแสดงคับคั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล กลับมาสร้างความรื่นอารมณ์ไปกับการแสดงและเสียงเพลงหวานในความทรงจำ นำแสดงโดย เบนซ์ AF12 เนสท์ AF9 บุ๊ค-ณัฐภพ กีต้าร์-คุณานนต์ ปาล์ม-พัชร พร้อมด้วยเหล่านักแสดงคุณภาพอีกมากมาย กำกับการแสดงโดย "วัชระ ปานเอี่ยม" เขียนบทและควบคุมการผลิตโดย "วัชระ แวววุฒินันท์" เรียบเรียงเพลงและดนตรีประกอบโดย ''อู๋ ธรรพ์ณธร" ได้มาบอกเล่าเรื่องราวเนื้อเรื่องของละครเวทีในรายการพระอาทิตย์LIVE





วันนี้ (29 พ.ค.) ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล ลำดับที่ 6 มูลนิธิสุนทราภรณ์ในราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพฯ ร่วมกับบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด (JSL Global Media Co., Ltd.) ได้สร้างสรรค์ละครที่คุณค่าขึ้นมาอีกครั้ง โดยการรวบรวมเพลงอำมตะ ทรงคุณค่าของสุนทราภรณ์ นำมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านละครเวทีให้น่าสนใจ และจะเปิดให้ชมกลางเดือนมิถุนายนนี้

วัชระ แวววุฒินันท์ บทละครเวทีและควบคุมการผลิต กล่าวว่า เมื่อ 7 ปีก่อน ครูเอื้อ ผู้ก่อตั้งสุนทราภรณ์ ซึ่งถ้าตอนนี้ถ้าท่านยังอยู่ก็จะครบ 100 ปี แล้วซึ่งทางองค์กรยูเนสโก ได้เห็นคุณค่า และผลงานของท่าน ซึ่งเป็นผลงานอมตระดับโลก จึงได้ประกาศเกียรติคุณว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกอายุ 100 ปี ทำให้ทางมูลนิธิมีการจัดงานต่างๆ และคุณอื๊ดซึ่งเป็นลูกสาวของครูเอื้อ ได้คิดว่าจะทำยังไงให้เพลงของคุณพ่อได้ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ๆ ได้ และในช่วงนั้นละครเวทีกลับมาเป็นที่นิยม น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้บทเพลงถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ๆ จึงตกลงทำเป็นละครเวที เพราะบทเพลงของสุนทราภรณ์เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว โดยตอนที่JSLเริ่มทำ ตอนนั้นไม่ค่อยคิดมาก เพราะในเมื่อที่จะถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ ก็ต้องหานักแสดงที่เป็นคนรุ่นใหม่ๆ และเราก็จะทำละครเป็นสมัยใหม่ เพื่อที่จะให้เข้ากับผู้ชม ซึ่งจะทำออกมาแบบไม่ใหม่มาก ทำออกมาแบบกลางใหม่กลางเก่า รวมถึงวิธีการกำกับการแสดงและดนตรี เพื่อที่จะทำยังไงให้ดนตรีเป็นแนวร่วมสมัยแต่คนเก่าสามารถที่จะรับได้ ซึ่งตอนนี้ไม่มีความกังวล แต่ทำเพื่อสนุก มีการทดลองช่วยกันทำนู้นทำนี้เพื่อความสมัยใหม่

ประสบความสำเร็จโด่งดังตั้งแต่ครั้งที่ 1 โดยมีคอนเซ็ปนำบทเพลงสุนทราภรณ์ แล้วนำเพลงหลักมาตั้งเป็นชื่อละครในแต่ละตอนเรื่องแรก กว่าจะรักกันได้ เรื่องที่สอง หนึ่งในดวงใจ เรื่องที่สาม เธอเท่านั้น เรื่องที่สี่ รักของเธอ เรื่องที่ห้า ขอให้เหมือนเดิม จนมาถึงตอนที่ 6 ในชื่อเรื่อง "ขอพบในฝัน"

วัชระ กล่าวต่อว่า ก่อนจะเป็นละครเวที เราจะต้องสร้างเรื่องก่อน พอทำตอนที่ 1 สำเร็จ เราต้องคิดว่าตอนที่ 2 จะทำอะไรดี ซึ่งต้องมีความพิเศษและความแตกต่าง โดยเพลงของสุนทราภรณ์หลายเพลงเหมาะกับการทำละครเวทีมาก เพราะแต่ละเพลงมีลักษณะการเล่าเป็นเรื่อง โดยครั้งนี้ต้องแตกต่างไปจากครั้งที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักระหว่างคนกับวิญญาณ แล้วคนกับวิญญาณไม่สามารถเจอกันบนโลกได้ แต่ต้องเจอกันในฝัน ซึ่งเข้ากับเพลงขอพบในฝัน

ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงเพลงและดนตรีประกอบ กล่าวว่า ได้ร่วมงานกับพี่อั๋นและJSLตั้งแต่เรื่องแรก ตื่นเต้นเสมอทุกครั้งที่ได้ทำและได้ฟัง และเราเป็นคนที่ไม่เก่ามากไม่ใหม่มาก เป็นคนกลางๆ พอได้ฟังได้ทำเพลงมันมีความประทับใจ ยิ่งฟังยิ่งเพาะ โดยเฉพาะเรื่องดนตรีซึ่งมีหลากหลายทั้งแจ๊ส และเพลงมาร์ชของโรงเรียนต่างๆ ที่มีอยู่ในเพลงของสุนทราภรณ์ เมื่อได้เข้าไปแกะมันทำให้นักดนตรีได้บทเรียนทั้งความรู้สึก ให้ความรู้ชั้นเชิงในทฤษฎี ซึ่งมีหลายแนว เรื่องแรกที่ได้ทำดนตรีรู้สึกตื่นเต้น เพราะไม่เคยได้ทำนองนี้สักเท่าไรนัก แต่ในเรื่องแรกยังทำดนตรีแนวแบบเดิมอยู่ เราต้องเคารพดนตรีที่เป็นแบบต้นแรกต้องมาก่อน และเราต้องดูบทเนื้อที่เขียนมา เพื่อเพิ่มความอรรถรสในการดูละครเวที เพราะนี้ไม่ใช่การร้องเพลง แต่เป็นสวมบทกับละคร ปีนี้ใช้เพลงทั้งหมด 24 เพลง และปีนี้จะทำให้ร่วมสมัยนิดนึง เพราะเนื้อเรื่องมีเกี่ยวกับปัจจุบัน โดยปีนี้มีดนตรีแบบเพลงพร๊อบ เพลงแจ๊ส เพลงบอสโนว่า และอีกเพลงเป็นเพลงบอร์ดเวย์ละครชีวิต ซึ่งเพลงหลักๆ ในละครเวทีครั้งนี้ก็จะมีเพลงดาวรอบเดือน โดยนำมาทำเป็นดิสโก้แบบนุ่มนวลที่คนดูสามารถเต้นได้ทุกวัย

คุณานนต์ หลิมพานิช หรือกีต้าร์ กล่าวว่า มีความสนใจเพลงสุนทราภรณ์ตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณตาคุณยายเปิดให้ฟัง และก็คิดว่าทำให้เพลงดูเชยจังเลย แต่พอมีโอกาสได้มาเรียนในกรุงเทพมหานครก็สมัครเรียนที่สุนทราภรณ์เลย

พัชร สุวรรณรัตน์ หรือปาล์ม กล่าวว่า เดิมเป็นนักดนตรี ดนตรีที่เล่นเป็นเปียโน เริ่มชอบเพลงของสุนทราภรณ์เมื่อตอนมัธยมปลาย ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยรู้จัก และได้ไปเรียนโรงเรียนปราโมทย์ ซึ่งผู้อำนวยการของโรงเรียนเป็นที่ปรึกษาของวงสุนทราภรณ์ โดยอาจารย์ได้ให้หาคนที่สามารถร้องเพลงได้ 6 คน เพื่อไปประกวดในรายการสุทราภรณ์ที่สยามพารากอน ผลที่ออกมาเราไม่ชนะ แต่น้ำเสียงของเราเข้ากรรมการจึงให้เข้ามาลองร้องกับสุนทราภรณ์ ทำให้ตั้งแต่นั้นมา

ณัฐภพ ธ้มกิตติคุณ หรือบุ๊ค กล่าวว่า คุณพ่อคุณแม่เปิดฟังกันทุกครั้งในขณะที่นั่งรถ และมีอยู่ช่วงหนึ่ง พี่ชายได้เข้ามาเรียนที่สุนทราภรณ์และตอนนั้นเรายังเด็กก็ต้องตามมาตลอด จนแม่ต้องให้เรียนด้วยและได้หยุดเรียนไปสักพัก พอโตขึ้นก็กลับมาเรียนและป้าอื๊ดเห็นจึงทาบทาม ให้มาร้องมาลองดู ซึ่งแตะละเพลงมีความยากความง่าย แต่เราก็ค่อยๆ พัฒนาเพิ่มมากขึ้น

วัชระ ปานเอี่ยม กำกับการแสดง กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นเรื่องรักอยู่แล้ว เพราะเรื่องรักเป็นเรื่องที่เข้าได้ทุกกลุ่ม ทุกวัย และคนเล่นสามารถแสดงออกมาได้ง่ายกว่าเรื่องอื่น แต่ละเพลงของเพลงสุนทราภรณ์เกี่ยวกับความรักทั้งหมดทั้งปวง เข้าไปผสมผสานและสามารถมีแทนที่บอกรักด้วยภาษาธรรมดา ภาษาเขียน ภาษาพูด ก็บอกออกมาด้วยเพลง นำเพลงมาเป็นประโยค ซึ่งเป็นมาแบบนี้ทุกภาค โดยภาคนี้เป็นการบอกรักข้ามภพ ต้องจิตนาการว่าจะทำยังไงให้กลับมาพบความรักได้อีก ซึ่งตอนเห็นบทครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าจะทำออกมาเป็นยังไง และเราต้องคิดว่าทำยังไงถึงให้คนดูเข้าใจเหมือนที่เราเข้าใจ เพราะเราเป็นคนถือบทอยู่ ต้องทำให้คนดูเข้าใจกับบทของเรา และเรื่องนี้ต้องทำให้เข้มข้นว่า หนึ่งคนจะทำให้เป็นสองบุคลิกได้อย่างไร

วัชระ แวววุฒินันท์ กล่าวเสริมว่า โรงละครที่เล่นมีทั้งหมด 700 ที่นั่ง เป็นโรงละครที่อบอุ่น ซึ่งคนดูที่อยู่แถวหลังสามารถเห็นคนเล่นได้ชัด และก่อนที่คนดูจะเข้าโรงละครก็จะมีวงดนตรีของสุนทราภรณ์วงเล็กแสดงให้ดูอยู่ด้านนอก

นิศาชล สิ่วไธสง หรือเนสท์ กล่าวว่า ได้รับบทเป็นคู่รัก คู่กับภัทรพงศ์ เวศกามี หรือมาริว ก็จะเป็นอีกหนึ่งคู่รักที่มีสีสันทั้งเรื่องละคร และการร้องเพลง ซึ่งต้องมีสีสันตามตัวละคร ส่วนเพลงที่ได้ร้องชื่อเพลงห่วงรัก ซึ่งของสุนทราภรณ์แบบเดิมจะร้องแบบหวานๆ แต่เราต้องร้องทั้งที่โกรธด้วยแต่ต้องร้องให้เพาะ

จิรโรจ์น ศรุณานิธิโรจน์ หรือเบนซ์ กล่าวว่า ได้รับบทเป็นวิญญาณ ที่จะคอยสิงคนอื่นไปทั่ว เพื่อให้ได้พบคนรัก และเพลงที่ได้ร้องกับคนรักก็จะเป็นเพลงรักเธอเสมอ ซึ่งเป็นเพลงที่บอกรักให้ฟังกับคนรัก แนะนำให้ไปดูกัน

วัชระ แวววุฒินันท์ กล่าวต่อว่า วิธีเลือกนักแสดงเราต้องดูบทก่อน ว่าคาเรกเตอร์ของตัวละครเป็นยังไง เพื่อตรงกับตัวละครนั้น และเราต้องดูจากคนที่สามารถร้องเพลงได้ เช่น จากเวทีAF ที่เรานำแสดง ซึ่งนักแสดงหลักอยู่ 3 คู่ และดารานักร้องหลายๆ คน ที่ได้มาร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย

ซึ่งทีมนักแสดงได้ฝากทิ้งทายวันเวลาที่ได้จัดแสดงละครเวที โดยเริ่มการแสดงวันแรก วันที่ 17 มิ.ย. จนถึง 23 ก.ค. 2560 มีการแสดงทั้งหมด 10 รอบ แสดงเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 รอบเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป และหยุดทุกวันพระ สามารถจองตั๋วได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ บัตรมีราคาตั้งแต่ 1,500 บาท 2,000 บาท และ2,500 บาท




กำลังโหลดความคิดเห็น