xs
xsm
sm
md
lg

รัฐ...คุณภาพชีวิต...สารเคมี ในภาคเกษตร!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สภากาแฟ เวทีชาวบ้าน COFFEE TALK" วันนี้พบกับ "นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล" คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้มาร่วมพูดคุย ในการที่จะออกแบบประเทศตั้งแต่รากฐาน สร้างแผ่นดินของไทย และโลกใบนี้ ให้มีสุขภาพดีได้อย่างไร




เมื่อวันที่ 24 พ.ค. รายการ สภากาแฟ เวทีชาวบ้าน COFFEE TALK เสนอ นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล อาจารย์หมอแห่งคณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อพูดคุยถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสารเคมีในภาคเกษตรที่มีผลกระทบอย่างไรกับประชาชน และรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยเมื่อวันก่อนกระทรวงสาธารณสุขได้ยกเลิกสารเคมี 2 ชนิด คือ พาราควอทกับกรัมม็อกโซน ที่เป็นส่วนประกอบในยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง และได้มีการประกาศมติของ 5 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตร กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้บอกให้ยกเลิกการนำเข้าพาราควอทและคลอร์ไพริฟอส และให้มีการเลิกขาย แต่ในมติมีอะไรให้สงสัย โดยมตินี้บอกว่า เจ้าสารพาราควอทและคลอร์ไพริฟอสเป็นอันตราย ซึ่งสามารถนำเข้าได้ถึงเดือนธันวาคมในปีนี้ แล้วให้ขายต่อได้ถึงเดือนธันวาคมปี 2562 และยังให้รายละเอียดลงไปตามมติของกระทรวง ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พาราควอทและคลอร์ไพริฟอสเป็นสารพิษที่อันตราย 47 ประเทศทั่วโลก ที่มีอารยธรรมได้มีการเลิกใช้หมดแล้ว

โดยสิ่งที่ได้รับอันตรายจากสารพาราควอท มันเป็นพิษที่ร้ายแรงไม่สามารถมียาอะไรถอนพิษได้ ส่วนคลอร์ไพริฟอส เป็นตัวที่ทำให้เกิดอาการสมาธิสั้น มีผลกระทบต่อระบบประสาท และผู้สูงอายุที่ได้รับสารก็จะเกิดอาการอัลไซเมอร์ เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นพิษเป็นภัยแล้ว จึงต้องประกาศให้เลิกนำเข้าในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งตอนนี้ผู้ที่นำเข้ายังสามารถนำเข้ามาได้เต็มที่ และยังมีโอกาสขายได้อีก 2 ปี หรือชดเชยความเสียหายให้แก่บริษัทต่างๆ ในราคาที่ยุติธรรมกับประเทศชาติ เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เป็นพิษเป็นภัยเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของคนไทย

ส่วนการดูแลรากฐานชีวิต สิ่งที่ควรทำในการดูแลคุณภาพชีวิตเราควรจะมี การดำเนินชีวิตแบบพอเพียง การกินอยู่แบบไทย วัฒนธรรมไทย รวมถึงพืชผัก ผลไม้ต้องบริโภคให้มาก และยิ่งการรับประทานข้าวกล้องยิ่งดียิ่งมีประโยชน์ ส่วนการแนวโน้มสุขภาพแบบใหม่ คือ การแพทย์แบบความสุขสบายและความชะลอวัย หรือการดูแลก่อนป่วย ซึ่งเติบโตขึ้นมาแล้วมาก และได้มีโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไปซื้อโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อต้องการเปิดคลีนิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นที่น่าดีใจที่รัฐบาลบอกว่า เราเป็นไทยแลนด์ 4.0 เราจะพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ได้ผลตอบรับที่ดี ผลปรากฎว่าเรื่องสุขภาพกลายเป็นเสาหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศ

โดยประเทศไทยได้รับการยืนยันจากWTC องค์การสภาการท่องเที่ยวโลก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศ 1 ใน 10 ของโลกที่ท่องเที่ยวขยายใหญ่ที่สุด และยังเป็นแชมป์ในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย ที่มีรายรับได้จากทัวร์สุขภาพมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเราทำรายได้ 20.6 เปอร์เซ็นต์ของGDP และยังมากกว่าการส่งออกถึง 10 เท่า

แม้ในการที่จะสร้างคลีนิคที่ใหญ่ทีาสุดในโลก แต่ก็มีปัญหาคือ การจะหาคนจากไหนมาทำงานที่นี้ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราต้องตั้งเป้าผลิตบัณฑิตสาขาต่างๆ ที่มีความรู้ทางแพทย์บูรณาการหรือในสมัยก่อนเรียกว่า การแพทย์ทางเลือก คือ การรวมเอาสิ่งต่างๆ ที่สมเหตุสมผลมาใช้ด้วยกัน

โดยปัจจุบันมีการศึกษาสมัยใหม่ในวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่จะให้นักศึกษาลงรายละเอียดของการศึกษาว่า การทำอาหารแบบไหนตอบสนองต่อคนสุขภาพสมัยใหม่ ซึ่งจะเน้นการทำอาหารที่สะอาด สดใหม่ และเพื่อสุขภาพ แต่หากไปเจออาหารปนเปื้อนยาฆ่าหญ้าหรือที่เป็นพิษต่อร่างกาย ก็จะทำให้ชีวิตสั้นลง โดยวิทยาลัยนี้มีหลักสูตรที่ชื่อว่า บูรณาการสุขภาพและความงาม ซึ่งบัณฑิตที่จบใหม่จากสาขานี้จะทำงานในคลีนิคความงาม ที่จะคอยบอกลูกค้าว่าเราจะกินยังให้ดีต่อสุขภาพ และจะใช้วิตามินสุขภาพอย่างไร

และสาขาที่ขาดแคลนในด้านนี้ของประเทศไทยมีอยู่ 2 สาขา คือ สาขาการปรุงอาหารสุขภาพ สาขาบูรณาการความงามและสุขภาพ ซึ่งหลักสูตรนี้บัณฑิตที่จบใหม่มีงานรออยู่ ทำให้มีโรงแรม รวมถึงสถาบันความงาม และหลักสูตร 2 สาขาของที่นี่มีทุนให้เรียน 1 ปีเต็ม ถึง 40 ทุน สำหรับนักเรียนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย สามารถติดต่อได้ที่ 083-554-5775 และผู้ที่สนใจมาเรียนรับได้ทั้งสายศิลป์และสายวิทย์
กำลังโหลดความคิดเห็น