xs
xsm
sm
md
lg

ลึกทันใจ : แฉเบื้องลึก! กม.ปิดปากสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน แฉเบื้องลึก! กม.ปิดปากสื่อ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2560




หากจะว่าไปแล้วการที่มติที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปท. ผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ด้วยคะแนน 141 ต่อ 13 งดออกเสียง 17 เมื่อ 1 พฤษภาคม 2560 ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะหากมองโครงสร้างของสปท.ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะเห็นว่า สมาชิกส่วนใหญ่มาจากกลุ่มข้าราชการทหาร ตำรวจและอดีตข้าราชการระดับสูง ภายใต้รัฐบาลของ คสช. ที่ส่วนใหญ่ผ่านประสบการณ์ที่ต้องถูกกดดัน ตรวจสอบ และต้องตอบคำถามสื่อมวลชนในเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว ดังนั้น ทัศนคติที่มีต่อสื่อมวลชนจึงเป็นไปในทางลบอย่างไม่ต้องสงสัย

คนที่เป็นตัวจักรสำคัญในการร่างกฎหมายฉบับนี้ แท้จริงแล้วก็คือ พลตำรวจตรี พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกรรมาธิการฯ เคยเป็นผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. มาก่อน และมีส่วนผลักดันกฏหมายคอมพิวเตอร์ที่จะใช้ในกลางปีนี้ด้วย ชุดความคิดจึงเป็นไปในทางตีกรอบเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่สำหรับเรื่องของสื่อมวลชนถือเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ วันนี้อาจมองว่าสื่อมวลชนเป็นปัญหา แต่อยากให้มองย้อนกลับไปว่า สื่อมวลชนนี่แหละที่คอยเป็น”หมาเฝ้าบ้าน” ทำหน้าที่ตรวจสอบและรายงานความไม่ถูกต้องของรัฐบาลหลายชุดให้ประชาชนได้ตื่นรู้จนต้องเปลี่ยนรัฐบาลมานักต่อนักแล้ว

สมาชิกสปท.อีกคนหนึ่งที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร หรือ บิ๊กเยิ้ม ที่มองสื่อเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาต จากเรื่องที่ได้พรั่งพรูความในใจออกมาว่า “สื่อเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยต้องอยู่ในกฎหมายข้อบังคับของประเทศไทย อย่าไปเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่คณะเดียว ไม่ว่าสื่อออนไลน์ สื่ออะไรก็แล้วแต่ สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ มีปัญหาหมด วันก่อนเปิดไลน์ดู พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ไม่รู้ว่าอยากเล่นการเมืองหรือเปล่า ผมก็เคารพท่าน เป็นรุ่นพี่รุ่น 7 ผมรุ่น 12 อยู่ดีๆไม่รู้เป็นอะไรมาด่าทหาร ว่าทหารมีพื้นที่ใหญ่โตในเมือง ไม่มีประโยชน์ เอาหินขว้างไปในค่ายถูกหัวพลเอกหมด พูดมาทำไม ผมไม่เข้าใจ ไอ้สื่อพวกนี้จริงๆมันต้องจับไปยิงเป้า” ซึ่งก็ดีไปอย่างที่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้รู้ว่า ยังคงแค้นฝังใจกับสื่อในเรื่องที่เคยถูกขุดคุ้ยอย่างหนักทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงานในช่วงที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อปี 2554 ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ในเรื่องข้อพิพาทพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร


ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า การพูดของบุคคลนี้ บ่งบอกถึงความคิดที่เป็นปัญหา อุปสรรค การบริหารบ้านเมืองอย่างไม่มีความเข้าใจ มักจะใช้ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ บังเอิญพื้นฐาน เกิดมาจากวิชาชีพทหารซึ่งทหารสอนให้มีระเบียบวินัย จัดการปัญหาเด็ดขาดแต่ไม่ได้สอนถึงศิลปะการฟังความรอบด้าน อย่างรอบคอบ การเข้าใจถึงจิตใจบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคมใหญ่ ทหารที่ดี เสียสละเพื่อบ้านเมืองมีเยอะ แต่ความคิดแนวของพลเอกธวัชชัยเป็นปัญหา เห็นวิธีคิด บอกถึงอุปนิสัยว่า ถ้าใครคิดต่างจะรำคาญ มองเป็นศัตรูถึงขั้นจะฆ่ากันตายได้ แนวคิดเช่นนี้ เป็นได้เพียงนำกำลังคนที่ไปรบในภาคสนามเท่านั้น แต่ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำเพื่อคิดในเชิงนโยบายบริหารบ้านเมืองด้วย

ดังนั้น ทีมข่าวลึกทันใจ อยากสรุปไว้เป็น 2 ประเด็นคือ เรื่องของกฎหมายควบคุมสื่อ ก็ต้องต่อสู้คัดค้านเพื่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนต่อไป ส่วนอีกประเด็นก็อยากฝากคุณผู้ชมได้ใช้วิจารณญาณกับนายพลคนนี้ว่า เหมาะสมที่จะให้เข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองในภายภาคหน้าหรือไม่ เพราะได้ยินข่าวแว่วๆมาว่า กำลังเตรียมเล่นการเมืองในนามพรรคชาติพัฒนา ของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่

ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น