xs
xsm
sm
md
lg

ลึกทันใจ : ลือสะพัด! จ่ายใต้โต๊ะ 40% ท่าเรือปากบารา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



คลิปรายการ “ลึกทันใจ” ตอน ลือสะพัด! จ่ายใต้โต๊ะ 40% ท่าเรือปากบารา ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพุธที่ 22 มีนาคม 2560




ภาพการใช้กองกำลังตำรวจ-ทหารเข้าปะทะกับชาวบ้านที่เข้ายึดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เพื่อคัดค้านโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล ทำให้รัฐบาลเกิดภาพลักษณ์ติดลบไปพอสมควร พร้อมกับมีคำถามตามมาว่าเหตุใดรัฐบาลจึงต้องเดินหน้าโครงการนี้ ทั้งที่เป็นโครงการที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและความคุ้มค่าของโครงการที่ต้องใช้งบลงทุนนับหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะข่าวที่ลือสะพัดว่าโครงการนี้มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้มีอำนาจผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จ ​

นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย อธิบายถึงความพยายามในการผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราว่า โครงการนี้ถูกผลักดันมาหลายรัฐบาลแล้ว จนล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศใช้มาตรา 44 ให้มีการศึกษาโครงการ โดยระบุว่าอาจจะไม่มีการดำเนินการก็ได้ แต่กลับมีนายทหารระดับนายพลคือ พล.ต.เจตน์พันธ์ ศรีวงศ์ รอง ผอ.กอ.รมน. จ.สตูล ออกหน้ามาเป็นประธานจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น พร้อมทั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่มาประจันหน้ากับประชาชน ที่น่าประหลาดคือการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภาครัฐครั้งนี้กลับทำเฉพาะส่วนของการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราเท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วโครงการเต็มรูปแบบคือแผนพัฒนาระบบลอจิสติกส์ ที่เชื่อมโครงข่ายการขนส่งระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย ซึ่งมีผลกระทบกว้างขวางมาก ทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านและระบบนิเวศทางทะเล ​

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประสาท มีแต้ม นักวิชาการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ชี้ประเด็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนโครงการนี้ว่า รัฐบาลไม่เคยพูดถึงความจำเป็นในการก่อสร้างโครงการ ทั้งที่มีตัวอย่างความล้มเหลวของโครงการท่าเรือขนส่งสินค้าอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ที่ไม่มีผู้มาใช้บริการให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ตัวอย่างคือท่าเรือในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 3 แห่งที่สร้างขึ้นเพื่อขนถ่ายสินค้า ปรากฏว่า ไม่มีคนมาใช้บริการอย่างท่าเรือระนอง ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ขนส่งสินค้าไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป รวมถึงภูมิภาคเอเชีย แต่ปัจจุบันกลายเป็นท่าเรือให้ ปตท.สผ.เช่าเพื่อขนถ่ายอุปกรณ์ไปที่แท่นขุดเจาะเท่านั้น ส่วนท่าเรือภูเก็ตก็กลายเป็นท่าเรือขนส่งนักท่องเที่ยว ขณะที่ท่าเรือสงขลาก็ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ เพราะค่าระวางสินค้าแพงเกินไป ลูกค้าจึงหันไปเลือกใช้บริการท่าเรือของสิงคโปร์มากกว่า

อีกประเด็นที่ต้องจับตาก็คือเรื่องของผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2538 สมัยรัฐบาลบรรหาร จากนั้นก็ผลักดันกันมาทุกรัฐบาล ปกติโครงการแบบนี้จะจ่ายกันตั้งแต่ระดับนโยบายในส่วนกลางลงมาถึงส่วนภูมิภาค กินกันอย่างน้อย 40% มากกว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่หลายเท่า ยิ่งมีข่าวหนาหูว่าจ่ายกันตั้งแต่ระดับพื้นที่ จนถึงผู้มีอำนาจในกระทรวง คือได้รับกันถ้วนหน้าทั้งข้าราชการ นายทหาร นักการเมือง ที่รับงานมวลชนสัมพันธ์ จัดตั้งม็อบสนับสนุน ก็ได้มา 120 ล้านบาทด้วย ​สำหรับโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโครงข่ายการขนส่งระหว่างอันดามัน และอ่าวไทยภายใต้ชื่อ “โครงการแลนด์บริดจ์ สะพานเชื่อมเศรษฐกิจสองฝั่งทะเล สงขลา-สตูล” ประกอบด้วยโครงการย่อยๆ คือ ท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่ง โครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมท่าเรือหัวท้ายระยะทาง 142 กิโลเมตร โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ หรือเขื่อน รวมถึงการพัฒนาแหล่งพลังงาน หรือโรงไฟฟ้าอีกด้วย โดยมูลค่าการลงทุนรวมของโครงการแลนด์บริดจ์ อยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่มีความขัดแย้งในพื้นที่สูง จึงต้องดูว่าในที่สุดแล้ว จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่

ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น