คลิปรายการ “ลึกทันใจ” ตอน นายทุนเฮ ! สนั่นลั่นทุ่ง สปก.ให้ธุรกิจพลังงานลมได้ไปต่อ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม 2560
หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกเลิกโครงการติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ ส.ป.ก.ของบริษัท เทพสถิต วินด์ ฟาร์ม จำกัด เนื่องจากเห็นว่าเกษตรกรในพื้นที่ไม่ได้รับประโยชน์โดยตรง สร้างความแตกตื่นให้ผู้ประกอบการธุรกิจลักษณะเดียวกันอีก 19 บริษัทที่เหลืออยู่ไม่น้อย ยิ่งเมื่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาฟันธงว่าต้องยกเลิกทุกโครงการ พร้อมประกาศกร้าวไม่ต้องการให้เอกชนเข้าพบและให้ไปพบเลขาธิการ ส.ป.ก แทน ยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับนักธุรกิจกลุ่มนี้สิ้นหวัง และเชื่อว่าหนทางเดียวที่จะช่วยได้ก็คือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะต้องใช้มาตรา 44 สั่งการให้โครงการเหล่านี้ดำเนินการต่อไปได้
แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริง ทำให้นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการ ส.ป.ก. มั่นใจถึงกับออกมาบอกอย่างชัดเจนว่า 19 โครงการที่ติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ ส.ป.ก.ของจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเกษตรกรได้ประโยชน์จากโครงการนี้ พร้อมชี้ช่องทางให้ บริษัท เทพสถิต วินด์ ฟาร์ม ที่ถูกศาลสั่งให้ระงับโครงการ หากอยากทำโครงการใหม่สามารถยื่นความจำนงต่อ ส.ป.ก.ได้ใหม่อีกครั้ง นายสมปอง ให้เหตุผลว่า ทั้ง19 บริษัทดำเนินการถูกต้องตามสัญญา และเป็นโครงการที่เกษตรกรเจ้าของพื้นที่ได้ประโยชน์ เพราะได้รับเงินค่าชดเชยและการจัดสรรประโยชน์ให้ คือ ยังสามารถทำการเกษตรต่อไปได้ และยังได้ถนนใหม่ที่ตัดเข้าไปในพื้นที่ ทำให้คมนาคมสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่ สปก.เองก็จะได้ค่าเช่า 35,000 บาท/ไร่/ปี ด้วย
ส่วนประเด็นที่กังวลกันก่อนหน้านี้คือแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการทำงานของกังหันลม ซึ่งจากการสำรวจชาวบ้านยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบในจุดนี้ และเสียงของกังหันก็ไม่ได้ดังตลอดเวลา เพราะกังหันลมจะหมุนเป็นช่วงๆ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามสัญญา และเป็นโครงการที่เกษตรกรได้ประโยชน์จริง สปก.ก็อนุญาตให้เอกชนดำเนินการต่อไปได้ และจะสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พิจารณาอนุมัติต่อไป
ดังนั้น เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ที่ตอนแรกทำท่าว่า จะต้องโละทิ้งทั้งหมด ก็จบลงอย่าง “แฮปปี้เอนดิ้ง” และWIN-WIN กันทุกฝ่าย โดยเฉพาะโครงการที่ “นักการเมืองขาใหญ่แห่งโคราช” หนุนหลัง ก็สามารถเดินหน้าฉลุย ฟันกำไรกันอีกยาว ว่ากันว่าในยุคก่อตั้งโครงการ อัตราจ่ายใต้โต๊ะนั้นหนักหนาเอาการ อยู่ที่ “1 เมกะวัตต์ ต่อ 1 กิโลกรัม” แต่มาถึงยุคนี้จะยังมีวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ยังมีอยู่หรือไม่ จุ๊ๆๆๆ!!! อย่าเอ็ดไป
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน