xs
xsm
sm
md
lg

เสน่ห์ของตลาดหุ้นไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด 
พบกันอีกครั้งในบทความประจำเดือนนี้ครับ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานักลงทุนทุกท่านคงไม่ปฏิเสธว่าเป็นปีที่ยากในการลงทุนสำหรับตลาดหุ้นประเทศไทย จนอาจทำให้นักลงทุนหลายท่านหมดหวังกับตลาดบ้านเกิดของตนเองกันไปบ้างไม่มากก็น้อย อีกทั้งมองไปข้างหน้าโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการ ทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การขาดนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะโลกร้อน รวมไปถึงผลกระทบจากความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ผมเลยอยากถือโอกาสนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครับ

สำหรับปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามากระทบนั้น ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่ปัญหาที่ประเทศไทยประสบพบเจออยู่ประเทศเดียวบนโลก หลายๆ ประเทศก็เผชิญปัญหาเช่นเดียวกับเรา เช่น ประเทศจีนที่เริ่มเผชิญปัญหาประชากรสูงอายุ และอัตราการเกิดที่ต่ำจนรัฐบาลต้องประกาศนโยบายให้สามารถมีลูกคนที่สาม ในส่วนของเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาโลกร้อน ทุกประเทศบนโลกก็ล้วนแต่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงนี้ไปพร้อมๆ กัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นั่นคือความสามารถของบริษัทจดทะเบียน หรืออีกนัยก็คือผมยังเชื่อในศักยภาพของผู้บริหารและคนไทยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร โดยผมเชื่อว่าผู้ประกอบการจะหาทางออกที่ดีที่สุดและพยายามปรับตัวจนพาธุรกิจรอดพ้นไปได้ ยกตัวอย่างที่ชัดเจนก็คงจะเป็นธุรกิจในกลุ่มธนาคาร ที่ต่างรู้ตัวว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต ถึงแม้ว่าจากขนาดธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ช้า แต่ธนาคารก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาได้ระดับหนึ่งว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งการลดจำนวนสาขา การพัฒนาแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับการเติบโตของเทคโนโลยี โดยผมเชื่อว่าความสามารถในการปรับตัวนี้ไม่ได้อยู่แค่ในเพียงธุรกิจธนาคาร แต่อยู่ในนิสัยของคนไทยที่ประกอบธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ นอกจากความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งก็คือโอกาส ตัวอย่างในอดีตก็คงหนีไม่พ้นช่วง Plaza Accord ที่สหรัฐอเมริกาต้องการให้ญี่ปุ่นปรับค่าเงินเยนให้แข็งตัวมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในสหรัฐฯ แต่จากการที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เงินเยนจำนวนมากไหลออกมาหาแหล่งลงทุนอื่นนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในหมุดหมายที่นักลงทุนญี่ปุ่นเลือกและส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตสำคัญโดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ได้ทำให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งประเทศไทยก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตในครั้งนี้ และหากเรามองภาพไปในระยะกลางถึงระยะยาว ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้งจากเม็ดเงินลงทุนเหล่านี้

ท้ายที่สุด จากมุมมองของผมจึงอาจสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นประเทศไทยไม่ได้สิ้นเสน่ห์ หรือไม่มีโอกาสให้ลงทุนจนต้องย้ายเงินทั้งหมดไปลงทุนในต่างประเทศ ผมมองว่าสุดท้ายเศรษฐกิจก็หมุนวนเป็นวัฏจักร อาจจะมีช่วงที่ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนมาหลายปี แต่จากความเปลี่ยนแปลงข้างต้นที่แม้จะท้าทายแต่ก็นำมาซึ่งโอกาส ถ้านักลงทุนยังเชื่อมั่นในศักยภาพผู้ประกอบการชาวไทย ผมก็ยังเชื่อว่ายังมีโอกาสให้ลงทุนในประเทศครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น