xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ปรับลดเป้าจีดีพีโต 3% ปีหน้ารอความชัดเจนมาตรการรัฐ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพชรพจน์ นันทรามาศ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) กล่าวว่า ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงเป็นเติบโต 3% จากเดิมที่ 3.4% เนื่องจากจีดีพีไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมาชะลอตัวลงมากกว่าคาด ซึ่งเป็นผลจากภาคการส่งออกที่ลดลงอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และในระยะต่อไปยังคงอยู่ในมิติของการชะลอลงของภาคอุตสาหกรรมอยู่ ส่วนในปีหน้าคงต้องรอดูในอีกหลายปัจจัย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลให้มีความชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ก่อน

**แนะธุรกิจเตรียมรับเศรษฐกิจสูงวัย**
นายพชรพจน์ กล่าวว่า สถานการณ์สังคมสูงวัยถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล เพราะเป็นปัจจัยที่กดดันฐานะทางการคลังของประเทศ จากภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ และด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่สูงถึง 9 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่ใช้งบประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.3 แสนล้านบาท ในปี 2572 หรือ เพิ่มขึ้น 44% จากปีงบประมาณ 2567 นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อกำลังแรงงานที่มีแนวโน้มลดลง และอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่เรียกว่า “เศรษฐกิจสูงวัย” หรือ “Silver Economy” ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจสูงวัยทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 26.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 880-900 ล้านล้านบาท คิดเป็น 26.6% ของมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่มูลค่าตลาดผู้บริโภคกลุ่มผู้สูงวัย หรือ Silver Gen ของไทย มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.4% และคาดว่าจะสูงถึง 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12% ของมูลค่าเศรษฐกิจไทย ในปี 2573 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า นับเป็นความท้าทายสำคัญของภาคธุรกิจไทยในการเตรียมความพร้อมรับมือและคว้าโอกาสจากกลุ่ม Silver Gen ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่น่าสนใจ เพราะมีศักยภาพด้านการเงิน พร้อมจับจ่ายใช้สอย 

น.ส.วีระยา ทองเสือ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) โดยมีสัดส่วนประชากรที่อายุ 65 ปีขึ้นไปเกินกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ภายในระยะ 5-6 ปีข้างหน้า และแนวโน้มค่าใช้จ่ายของกลุ่ม Silver Gen ที่เพิ่มขึ้น จึงวิเคราะห์ว่ามี 5 เทรนด์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง คือ 1.อาหารสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ธุรกิจผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2.การท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งบริการนำเที่ยว และโรงแรม 3.การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน 4.ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และ 5.บริการทางการเงินเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งการให้คำปรึกษาและผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ ทั้ง SME และธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะสร้างโอกาสเติบโตจากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้

สำหรับภาครัฐบาลต้องดำเนินนโยบายที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดแคลนแรงงาน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยศึกษาตัวอย่างของรัฐบาลต่างประเทศมาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย ซึ่งมีแนวทางดังนี้ 1.กระตุ้นให้ประชาชนมีลูกเพื่อแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำและปรับเปลี่ยนโครงสร้างอายุประชากรในระยะยาว ผ่านการเพิ่มเงินอุดหนุนและสวัสดิการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการมีบุตร 2.ขยายอายุเกษียณและสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ เพื่อให้มีกำลังแรงงานในระบบเศรษฐกิจต่อไป เช่น ญี่ปุ่นปรับอายุเกษียณอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2564 กำหนดอายุเกษียณเป็น 70 ปี และ 3.ยกระดับสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุผ่านกองทุนประกันสังคม ประกันสุขภาพ และระบบบำนาญ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนกลุ่ม Silver Gen
กำลังโหลดความคิดเห็น