นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน” โดยแผนการดำเนินงาน (Roadmap) ในช่วงแรกจะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่มั่นคง (Transforming Tomorrow) ด้วยการกำหนด Business Purpose เป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล หรือ Life Solutions Provider โดยให้ความสำคัญการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในรูปแบบเฉพาะบุคคล
บริษัทฯ จึงมุ่งขับเคลื่อนองค์กรผ่านการลงทุนเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เอาประกันภัยในการทำธุรกรรมด้านการประกันชีวิตต่างๆ ทั้งด้านการรับเงินผลประโยชน์จากกรมธรรม์ บริษัทฯ ได้เพิ่มบริการใหม่ “ไทยประกันชีวิต Smart Pay” บริการโอนเงินสินไหมภายในวันเดียวกับที่ได้รับอนุมัติ สำหรับผู้เอาประกันภัยที่เลือกรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ผ่านบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ หรือประเภทกระแสรายวัน ที่ไม่มีเงื่อนไขพิเศษกับธนาคาร หรือผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่สมัครโดยเลขที่บัตรประชาชน สำหรับสินไหมที่ได้รับการอนุมัติในวันและเวลาทำการของบริษัทฯ
กรณีผู้เอาประกันภัยต้องการรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ผ่านบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งไม่ใช่บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกไว้กับเลขที่บัตรประชาชน ผู้เอาประกันภัยจะต้องแนบหน้าสมุดบัญชีธนาคาร หรือจัดทำหนังสือแจ้งความจำนงขอรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ผ่านบัญชีธนาคาร ยกเว้นสินไหมที่ได้รับอนุมัติมีรายการหักหรือคืนหนี้สินผลประโยชน์ และกรณีการจ่ายค่าสินไหมมรณกรรม ผู้รับประโยชน์ทุกคนจะต้องเลือกรับเงินด้วยวิธีการโอนเงินและแนบหน้าสมุดบัญชีธนาคาร ยกเว้นแบบประกันควบการลงทุน และแบบประกันรายเดือนที่มีการหักเบี้ยประกัน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ไทยประกันชีวิตแคร์เซ็นเตอร์ โทร. 1124
ด้านการบริการโดยเน้นการบริการในรูปแบบออนไลน์ หรือ E-Service ผ่านแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต และบริการไทยประกันชีวิต iService บนเว็บไซต์ www.thailife.com ทั้งบริการด้านการชำระเบี้ยประกันภัย ได้แก่ บริการ e-Invoice ตรวจสอบเบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระ ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถชำระเบี้ยฯ ได้ทันทีผ่านบริการ E-Payment โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการชำระเบี้ยประกันภัยด้วยการหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติ หรือ Online Direct Debit (ODD) สำหรับผู้มีบัญชีเงินฝาก KBank ผูกกับแอปพลิเคชัน K PLUS ผ่านแอปพลิเคชันไทยประกันชีวิต โดยระบบจะดำเนินการหักบัญชีธนาคารต่อเนื่อง เมื่อถึงวันครบกำหนดชำระเบี้ยฯ และยังสามารถเลือกชำระเบี้ยฯ ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด บาร์โค้ด หรือชำระด้วยบัตรเครดิต ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้ใบเสร็จรับเงินชั่วคราวทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่อสร้างความมั่นใจในการชำระเงิน
ขณะเดียวกัน ผู้เอาประกันภัยสามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิประโยชน์ และบริการต่างๆ ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา ผ่านคู่มือผู้เอาประกันภัยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Policyholder Guidebook หรือบัตรประจำตัวผู้เอาประกันภัยในรูปแบบ E-Card สามารถใช้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ได้สะดวก โดยไม่ต้องพกบัตร และ E-Document บริการดาวน์โหลดหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัย
ตลอดจนผู้เอาประกันภัยยังสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลกรมธรรม์ ติดตามสถานะพิจารณารับประกัน ค้นหาโรงพยาบาลคู่สัญญา บริการข้อมูลกองทุนรวมภายใต้แบบประกันยูนิตลิงก์ การยื่นเคลมสินไหมทดแทน บริการไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์และการเดินทางฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ทั่วโลก บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การรับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายจากไทยประกันชีวิต Privilege หรือกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายสําหรับสมาชิกไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต
“บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญต่อความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้เอาประกันภัย พร้อมนำเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลมา Enable เพื่อให้สามารถมอบบริการที่เหมาะสมสำหรับผู้เอาประกันภัยแต่ละบุคคล ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบโจทย์การเป็นทุกคำตอบของชีวิตอย่างสมบูรณ์” นายไชยกล่าว