ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ส่งรักทั่วไทย อุ่นใจเมื่อมีประกันภัย พ.ร.บ.” ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของ “โครงการ พ.ร.บ.รุกทั่วไทย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. รวมทั้งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย โดยมีผู้บริหารของสำนักงาน คปภ.ส่วนกลาง สำนักงาน คปภ.ภาค 1 (เชียงใหม่) สำนักงาน คปภ.จังหวัดลำปาง ผู้แทนส่วนราชการ อาสาสมัครประกันภัย และประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปางเข้าร่วมงาน พร้อมทั้งได้รับเกียรติจาก นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เข้าร่วมงานและกล่าวต้อนรับผ่านทางระบบออนไลน์ (ZOOM Webinar) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
สำหรับกิจกรรมในงานดังกล่าวมีการปล่อยขบวนคาราวานรถจักรยานยนต์กว่า 100 คัน เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในจังหวัดลำปาง โดยใช้เส้นทางจากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางไปยังแหล่งชุมชนในจังหวัดลำปาง ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของจังหวัดอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยจัดเวทีเสวนาให้ความรู้ในหัวข้อ “สิทธิประโยชน์ของประกันภัย พ.ร.บ.” จากผู้แทนของสำนักงาน คปภ. โดยมีคุณดาว อภิสรา นุตยกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ และการจัด Talk Show จากอาจารย์สมชาย หนองฮี บรรยายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยภาคบังคับ หรือประกันภัย พ.ร.บ. ในหัวข้อ “ประกันภัย พ.ร.บ. มีไว้ ดีอย่างไร”
ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ.ได้กล่าวเปิดกิจกรรมในตอนหนึ่งว่า จากสถิติที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ได้รับอุบัติเหตุจากรถเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี โดยในปี 2564 มีผู้ประสบภัยจากรถสูงถึง 895,130 ราย แบ่งออกเป็น ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 881,405 ราย ทุพพลภาพ จำนวน 163 ราย และเสียชีวิตสูงถึง 13,562 ราย หรือคิดเป็นผู้ประสบภัยจากรถและเสียชีวิตจำนวนถึง 37 คนต่อ 1 วัน โดยเป็นการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์คิดเป็นอัตราร้อยละ 80 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สำหรับวงเงินความคุ้มครองของประกันภัย พ.ร.บ. ปัจจุบันให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 500,000 บาท สำหรับผู้ประสบภัยจากรถที่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด โดยเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ.ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของรถ ทั้งนี้ เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคันมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องจัดให้มีการประกันภัย พ.ร.บ. หากฝ่าฝืนไม่จัดให้มีการประกันภัย พ.ร.บ. จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท หรือหากเป็นผู้ที่ใช้รถที่ไม่ทำประกันภัย พ.ร.บ. จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ดังนั้น หากเป็นทั้งเจ้าของรถที่ไม่ทำประกันภัย พ.ร.บ. และได้นำรถคันนั้นออกไปใช้เองจะมีความผิดทั้ง 2 ข้อหา โดยมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
เลขาธิการ คปภ.กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลสถิติของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีจำนวนรถทุกประเภทที่จดทะเบียนสะสมทั่วประเทศกว่า 42.31 ล้านคัน โดยเป็นรถที่จัดให้มีการประกันภัย พ.ร.บ.เพียง 29.02 ล้านคัน หรือประมาณร้อยละ 68.59 ของรถที่จดทะเบียนทั้งหมด และโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์มีการจดทะเบียนสะสม จำนวน 21.68 ล้านคัน แต่มีรถที่จัดให้มีการประกันภัย พ.ร.บ. จำนวน 12.80 ล้านคัน หรือประมาณร้อยละ 59.04
และจากสถิติการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 พบว่ามีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถเป็นจำนวนสูงถึง 180 ล้านบาท จากตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีรถที่อยู่นอกระบบการประกันภัย พ.ร.บ.อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีเจ้าของรถจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจากการใช้รถใช้ถนน
“กิจกรรม “ส่งรักทั่วไทย อุ่นใจเมื่อมีประกันภัย พ.ร.บ.” ภายใต้ “โครงการ พ.ร.บ.รุกทั่วไทย” ที่จังหวัดลำปางจัดงานขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ สำนักงาน คปภ.จึงขอส่งความรัก ความปรารถนาดีจากใจชาว คปภ. โดยมอบประกันภัย พ.ร.บ. จำนวน 10,000 ฉบับ ให้แก่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ และท่านสามารถเข้าไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ www.พรบรุกทั่วไทย.com จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565” เลขาธิการ คปภ.กล่าวในตอนท้าย