ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Private Banking Business Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “KBank Private Banking มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขอบข่ายการลงทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ตราสารทุนนอกตลาด หรือไพรเวตอิควิตี (Private Equity) ผ่านรูปแบบของกองทุน ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีการแกว่งตัวสูง และมีโอกาสในการทำกำไรที่ยากขึ้น ไพรเวตอิควิตีจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลดความผันผวนของพอร์ต และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
ก่อนหน้านี้ KBank Private Banking ได้นำเสนอกองทุนไพรเวตอิควิตีซึ่งลงทุนในหุ้นนอกตลาดของบริษัทต่างประเทศไปแล้ว 2 กองทุน ซึ่งกองแรกสามารถสร้างผลกำไรเฉลี่ยกว่า 40% ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และกองที่สองก็มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้เช่นกัน”
ล่าสุด KBank Private Banking ได้ร่วมกับ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดตัวกองทุนใหม่ LH-THAIPE1UI ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอขายหุ้นนอกตลาดของบริษัทไทยในรูปแบบของกองทุน โดยจะทำการลงทุนผ่านกองทุนหลัก Fullerton Thai Private Equity Fund ที่สิงคโปร์ เน้นลงทุนในธุรกิจขนาดกลาง 8-12 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้จะถูกคัดเลือกอย่างเป็นระบบจากหลากหลายแหล่ง จากนั้นผู้จัดการกองทุนจะนำทีมงานเข้าไปช่วยผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมาย และทำให้บริษัทที่ลงทุนมีความพร้อมที่จะระดมทุน IPO ในตลาดหลักทรัพย์ได้ จึงจะขายเพื่อทำกำไรหรือนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด
กองทุน LH-THAIPE1UI มีเกณฑ์หลักๆ ในการคัดเลือกบริษัทเป้าหมาย คือ เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง มีรายได้ระหว่าง 500-3,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่แล้วหรือเคยทำกำไรได้ดีแต่ประสบปัญหาระยะสั้น ไม่ไช่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่ยังไม่เคยมีกำไร อีกทั้งบริษัทเป้าหมายจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร การผลิตและอุตสาหกรรมขั้นสูง การศึกษา เทคโนโลยีและข้อมูล สุขภาพและการแพทย์ และบริการด้านการเงิน การเลือกบริษัทเช่นนี้ทำให้ความเสี่ยงของกองทุนน้อยกว่าการเน้นแต่ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่ร่วมลงทุน หรือ Venture Capital
ดร.ตรีพลกล่าวต่อไปว่า “ไพรเวตอิควิตีเป็นสินทรัพย์นอกตลาด ผู้จัดการกองทุนหลักจึงมีบทบาทที่สำคัญมากในการคัดสรรบริษัทเป้าหมาย และนำมาจัดสรรอยู่ในพอร์ตการลงทุน กองทุน LH-THAIPE1UI ถือเป็นการผนึกกำลังขององค์กรชั้นนำ ได้แก่ ผู้จัดการกองทุนหลัก Fullerton Fund Management ซึ่งมีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านไพรเวตอิควิตี พร้อมด้วยคำปรึกษาจาก Hatton Equity Partners ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดไทย โดยจุดเด่นของกองทุนนี้คือ ระยะเวลาการลงทุนสั้นกว่าการลงทุนลักษณะเดียวกันในต่างประเทศ เน้นบริษัทเป้าหมายในประเทศไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตที่รวดเร็ว”
นายมาร์ค หยวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Fullerton Fund Management กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปีในการบริหารจัดการการลงทุน Fullerton Fund Management มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้แก่กลุ่มนักลงทุนที่หลากหลาย ทีมงานด้านไพรเวตอิควิตีของเรามีประสบการณ์โดยเฉลี่ยถึง 13 ปี และความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง รวมถึงมีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งในการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่นักลงทุนได้ โดยเราและ Hatton Equity Partners ซึ่งเป็นที่ปรึกษาร่วมของกองทุน จะร่วมวางกลยุทธ์ในการผลักดันการเติบโตของบริษัทที่เข้าลงทุน พัฒนาให้บริษัทมีสถานะทางบัญชีและการบริหารจัดการที่เหมาะสม เพื่อโอกาสในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป”
กองทุน LH-THAIPE1UI เป็นกองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น มีระยะเวลาการลงทุน 7 ปี พร้อมการขยายการลงทุนไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี