นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จจากการนำเสนอกองทุนหุ้นทั่วโลก ซึ่งบริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เมื่อเดือน พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มองเห็นโอกาสการเติบโตของหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ทั่วโลก จึงต่อยอดโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไป ด้วยรูปแบบการลงทุนระดับ Private Wealth จากทีมผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ที่เข้าถึงความชำนาญในการลงทุนต่างประเทศของ จูเลียส แบร์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดการระดับพรีเมียมของสวิตเซอร์แลนด์ที่ดำเนินธุรกิจใน 30 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมการลงทุนมากกว่า 250 Active Funds และ 500 Passive Funds ทั้งยังเป็น 1 ใน Top 5 ของผู้ให้บริการด้าน Wealth Management ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยเปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Megatrends (SCBMEGA) ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท เสนอขายครั้งแรก 4-14 มกราคม 2565 นี้ และสามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย
กองทุน SCBMEGA มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก ผ่านการลงทุนในกองทุนหลัก (Core Fund) และกองทุนเสริม (Satellites Funds) เพื่อสร้างการเติบโตของผลตอบแทนโดยการลงทุนแบบ Pro-active และปรับเปลี่ยนการลงทุน Satellites ให้เหมาะกับสภาวะโอกาสที่น่าสนใจ โดย 5 เมกะเทรนด์หลักที่เลือกลงทุน ประกอบด้วย 1) Arising Asia การเพิ่มขึ้นของประชากรในภูมิภาคเอเชีย 2) Digital Disruption เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3) Energy Transition แนวโน้มการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงาน 4) Feeding the World ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตทรัพยากรที่จะรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกในอนาคตและ 5) Shifting Lifestyle โครงสร้างอายุของประชากรที่เปลี่ยนไป
โดยกองทุนหลักจะลงทุนผ่านกองทุน JB Equity Next Generation Fund ด้วยการคัดเลือกบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตระยะยาว มีอัตรากำไรสูงและเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้ชนะในอนาคต ส่วนกองทุนเสริมจะลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายที่ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์เช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นได้เลือกลงทุนใน 3 กองทุน ได้แก่ Robeco Global Consumer Trends ลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มและรูปแบบของการบริโภค, BB Adamant Digital Health ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาระบบ Healthcare ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง และ Pictet Nutrition Fund ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของ Food Chain
“การลงทุนที่เน้นเลือกหุ้นที่เติบโตสอดคล้องไปกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของโลก หรือได้รับประโยชน์จาก Global Megatrends ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของผู้คน และพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในโลกอนาคตต่างๆ มากกว่าการมุ่งเน้นหากำไรในระยะสั้น นับว่าเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่นักลงทุน สำหรับ SCBMEGA เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีรูปแบบโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกับ Global Megatrends และคาดว่าจะเป็นบริษัทผู้นำในอนาคต โดยใช้การบริหารพอร์ตแบบ Core & Satellites ด้วยการลงทุนหลากหลายกลุ่มธุรกิจและหลายธีม จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการกระจุกตัวบนกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว ทั้งยังสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอได้ในระยะยาวจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นอยู่ในอนาคตที่สะท้อนให้เห็นได้ในรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ กองทุนนี้นับว่าเป็นกองทุนที่ได้เข้าถึงการลงทุนระดับเวิลด์คลาสโดยได้ทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนระดับโลกอย่างจูเลียส แบร์ เป็นผู้บริหารกองทุนอีกด้วย” นางนันท์มนัสกล่าว
ทั้งนี้ กองทุน SCBMEGA เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ เช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น โดยมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตเชิงโครงสร้างในธีมการลงทุนที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในรูปแบบใหม่ การอุปโภคบริโภคที่ให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่อาจมีต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการประยุกต์ใช้ซึ่งเทคโนโลยีด้านดิจิทัลในชีวิตประจำวัน เป็นต้น ส่งผลให้กองทุนมี net exposure ในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทฯ ได้มอบหมายให้ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุนของกองทุน กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน