นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการออกกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคเคพี พาสซีฟ โกลบอล อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ เฮดจ์ (KKP PGE RMF-H) และกองทุนเปิดเคเคพี EXPANDED TECH เพื่อการเลี้ยงชีพ - HEDGED (KKP TECH RMF-H) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเพื่อการเกษียณพร้อมรับสิทธิประโยชน์สำหรับการลดหย่อนภาษี โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) ทั้งสองกองทุนพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 17-25 พ.ย. 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
ทั้งนี้ KKP PGE RMF-H เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียวคือ iShares MSCI ACWI ETF ซึ่งเน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี MSCI ACWI ในขณะที่ KKP TECH RMF-H เน้นลงทุนในกองทุนรวมหลักเพียงกองทุนเดียวคือ iShares Expanded Tech Sector ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการสื่อสาร (Communication Service) และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ในประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ
“หากผู้ลงทุนต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ควรเลือกกองทุน KKP PGE RMF-H ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบครอบคลุมทั้งกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเกิดใหม่ แต่หากต้องการเจาะจงหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ก็สามารถเลือกกองทุน KKP TECH RMF-H โดยทั้งสองกองทุนมีการบริหารแบบอิงตามดัชนี (Passive) ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับกองแบบ Active และกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในปัจจุบัน”
สำหรับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ การที่ประเทศเศรษฐกิจหลัก อย่างเช่น สหรัฐฯและยุโรป สามารถกลับมาเปิดประเทศได้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการเติบโตจีดีพีและผลประกอบการสำหรับไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปที่ประกาศออกมาแล้วเติบโตดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้น เมื่อมองไปในระยะข้างหน้า การวิจัยและผลิตวัคซีนและยารักษาเชื้อโควิดจะยิ่งได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดความรุนแรง ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ที่ยังคงฟื้นตัวช้าอยู่ในปัจจุบันสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น และเป็นปัจจัยสนับสนุนจีดีพีโลกในปีหน้าให้ยังคงเติบโตได้ในระดับที่สูง ทั้งนี้ IMF คาดการณ์อัตราการเติบโตจีดีพีโลกปี 2565 ที่ 4.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังในช่วงก่อนโควิดที่ระดับ 3.4% ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจหลักคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นโลกโดยรวมและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำดังที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งประมาณการกำไรสุทธิ 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทในตลาดหุ้นโลกยังคงมีอัตราการเติบโตที่ระดับ 18.54% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีประมาณการอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 25.88% อีกด้วย