บริษัท อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ (เอเอสไอ) ได้เปิดตัวกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด โกลบอลไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ (“กองทุนเปิด ABGDD”) ในประเทศไทย มุ่งหวังให้ผู้ลงทุนไทยสร้างโอกาสในการเก็บดอกผลจากรายรับและการเติบโตของมูลค่าเงินทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก
กองทุนเปิด ABGDD นี้มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ กองทุน Aberdeen Standard SICAV I - Global Dynamic Dividend Fund (“กองทุนหลัก”) ซึ่งลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่าง โดยกองทุนหลักมุ่งหวังที่จะมอบโอกาสในการรับผลตอบแทนจากกระแสรายรับเป็นประจำทุกเดือน รวมถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากกำไรจากมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
กองทุนหลัก ซึ่งบริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญในหลักทรัพย์ทั่วโลกของ ASI มีนโยบายลงทุนในพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 80-100 หุ้นที่กระจายไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยมีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นคัดสรรหุ้นรายตัวจากการพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up) และคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทีมงานมืออาชีพด้านการลงทุน 120 คนใน 13 สำนักงานร่วมคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพสูงสุดทั่วโลกกว่า 2,000 บริษัท ด้วยข้อมูลเชิงลึกพร้อมความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดต่างๆ โดยมีบริษัทที่จะเข้าลงทุนถึง 1,100 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลตอบแทนที่งดงาม
นายเบ็น ชีฮานน์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านการลงทุน-อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ กล่าวว่า “สำหรับผู้ลงทุนไทยที่แสวงหารายรับแบบสม่ำเสมอ ซึ่งขณะนี้มักมุ่งเน้นลงทุนในพันธบัตร การปรับพอร์ตลงทุนโดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผล จะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มศักยภาพที่จะยกระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการลงทุน และโอกาสในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนสำหรับพอร์ตการลงทุนของตนเอง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้นำเสนอหุ้นที่จ่ายปันผลจำนวนมากและหลากหลายเพื่อการลงทุน โดยขณะนี้บริษัทหลายแห่งกำลังปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล และทยอยซื้อหุ้นคืน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับภาพรวมการจ่ายเงินปันผล กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนทั้งในหุ้นคุณค่าและในหุ้นเติบโต ครอบคลุมการลงทุนทั้งสองแนวทางในกรณีที่แนวทางใดแนวทางหนึ่งมีการดำเนินการที่ดีกว่า”
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย-อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ลงทุนไทยทุกวันนี้ต้องการรายรับจากการลงทุนในหุ้นมากกว่าเดิมเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ ด้วยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้การจัดพอร์ตการลงทุนแบบเดิมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นร้อยละ 60 และพันธบัตรร้อยละ 40 ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนได้อีกต่อไป กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ ของเราจึงได้มอบบริการที่แตกต่างอย่างเหนือระดับโดยผสมผสานโอกาสการสร้างรายรับ และการเติบโตของมูลค่าเงินทุนเข้าด้วยกัน ซึ่งมีเป้าหมายจะช่วยให้ผู้ลงทุนไทยคว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาขึ้น ขณะที่ยังได้รับดอกผลในรูปกระแสเงินสดในช่วงรอให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวเมื่ออยู่ในภาวะขาลง”