ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยถึงกรณีที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของประเทศจีนปรับตัวลงแรงซึ่งมีสาเหตุมาจากสำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) สั่งถอด Application Didi ภายหลังข้อหาการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังเข้าสอบสวนเพิ่มเติมหุ้นจีนที่ขายหุ้น IPO ในตลาดสหรัฐอเมริกาอีก 2 แห่ง คือ Kanzhun ซึ่งทำธุรกิจคล้าย Linkedin และ Full Truck Alliance ทำธุรกิจคล้าย Uber แต่จำกัดแค่รถบรรทุก รวมทั้งทางการจีนสั่งขัดขวางไม่ให้ Tencent ควบรวมบริษัทลูก Huya กับ DouYu ซึ่งเป็นบริษัทวิดีโอ เกม สตรีมมิ่ง ใหญ่ที่สุดของจีน โดยประเด็นนี้มองว่าเป็นประเด็นเดิมที่รัฐบาลจีนต้องการป้องกันการผูกขาด
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ทางการจีนได้จัดการ Tech Giants ที่มีลักษณะการทำธุรกิจแบบผูกขาด ไม่ว่าจะเป็น Alibaba Tencent หรือ Meituan อย่างไรก็ตาม ข้อหาที่ใช้ในการจัดการเริ่มกว้างขึ้น โดยจะเห็นว่าทางการจีนเริ่มขอเข้าตรวจสอบบริษัทที่มีการเก็บและใช้ข้อมูลของ user จำนวนมาก ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่าทางการจีนเข้าไปตรวจสอบบริษัทเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์อะไร บริษัทละเมิดการใช้ข้อมูลในเรื่องใด หรือแนวทางในการจัดการบริษัทเหล่านี้เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ทางผู้จัดการกองทุนยังไม่ทราบอีกว่าทางการจีนจะเพิ่มประเด็นอื่นๆ ในการจัดการบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีอีกหรือไม่ และจะกระทบผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ขนาดไหน
ดร.ธนาวุฒิกล่าวต่อว่า นักลงทุนควรรอความชัดเจนให้มากกว่านี้ก่อนเพื่อประเมินผลกระทบต่อบริษัท โดยคาดว่าในระยะสั้นหุ้นบางตัวอาจได้รับผลกระทบด้านกำไรจากการโดนค่าปรับหรือแนวทางจัดการของทางการจีนอื่นๆ แต่ในระยะยาวนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังมีการเติบโตในระดับสูง
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนเปิดบีแคป ไชน่า เทคโนโลยี (BCAP-CTECH) หากถือหน่วยลงทุนอยู่แล้ว แนะนำถือเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่ยังไม่แนะนำให้ขายออกหรือซื้อเพิ่ม แต่หากนักลงทุนที่ยังไม่มี BCAP-CTECH ไม่แนะนำให้เข้าซื้อ
สำหรับกองทุนเปิด BCAP-CTECH มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ โดยกองทุนปลายทางมีการกระจายการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ดำเนินการและ/หรือมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน โดยเน้นทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี