นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านการฝากเงินหรือตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจไม่ดึงดูด การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมจึงช่วยเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนที่สามารถถือครองการลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปีได้มากกว่าการเน้นลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้น บริษัทยังมีความพยายามในการหาสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทางเลือกการลงทุนที่มากขึ้นในอนาคต รวมถึงส่งเสริมการจัดสรรเงินโดยการกระจายสินทรัพย์ Asset Allocation เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอีกด้วย โดยเชื่อว่าการมีกองทุนให้ผู้ลงทุนได้เลือกตามความเสี่ยงที่รับได้ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ นอกจากกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า บอนด์ ฟันด์ ที่เจาะตลาดตราสารหนี้จีนโดยเฉพาะเป็นกองแรกในประเทศไทยและกำลังเปิดเสนอขายอยู่ในเวลานี้แล้วนั้น บริษัทยังเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกควบคู่ไปพร้อมกันด้วยเพื่อเติมเต็มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดย กองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y21 (KTGF1Y21) นี้จะเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 11 จนถึง 19 พฤษภาคม 2564 ผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำที่เพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น
กองทุน KTGF1Y21 เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี เป็นซีรีส์ที่ 21 ของกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกที่บริษัทเปิดขายมาตั้งแต่ปี 2563 มีนโยบายเน้นลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ รวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) และ/หรือลงทุนในหน่วย CIS ของกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารต่ำกว่าที่ สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีกลยุทธ์การลงทุนแบบครั้งเดียว (buy-and-hold) เหมาะต่อผู้ลงทุนที่ต้องการแสวงหาโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปี
โดยหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่คาดว่าจะมีการลงทุนเกินกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน KTGF1Y21 คือ กองทุน Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2022 VIII ที่บริหารโดย Invesco บลจ.ระดับโลก โดยเน้นลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในตราสารหนี้ ในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในสกุลเงิน USD ที่ออกโดยผู้ออกตราสารที่ถูกพิจารณาคัดเลือกโดยดุลพินิจของผู้จัดการ (เช่น รัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศที่มีลักษณะเหนือรัฐ (Supranational Entities) กลุ่มบริษัท สถาบันการเงิน และกลุ่มธนาคาร) ซึ่งอาจรวมถึงผู้ออกตราสารที่อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียในกองทุนนี้ หมายถึงประเทศทุกประเทศในทวีปเอเชีย ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น แต่รวมถึงประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์