xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพาณิชย์ปล่อยกองทริกเกอร์ ตั้งเป้า 8% ลุยตลาดหุ้นทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ได้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์เพิ่มอีกหนึ่งกองทุนต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Thematic Trigger (SCB Global Thematic Trigger Fund : SCBGTTG) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 23-29 มีนาคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายทริกเกอร์ 8% ภายในระยะเวลา 8 เดือน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นทั่วโลกตามเทรนด์อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต

กองทุน SCBGTTG มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก อาทิเช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือหน่วย private equity เป็นต้น โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในธีมตาม Mega Trend หลักๆ ของโลก ได้แก่ 1) Travel Tech จากการเปิดเมืองที่อาจเกิดเร็วขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว 2) Semiconductors เนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีมากกว่ากำลังการผลิตในปัจจุบัน จึงเพิ่มโอกาสให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ 3) Cloud Computing ซึ่งเกิดจากความต้องการใช้งาน software และ application ที่สูงขึ้นจากวิถี new normal 4) Gaming & Esports เกิดจากจำนวนผู้เล่นและใช้งานเกมออนไลน์ และเครื่องเล่นเกมที่เติบโตมากขึ้นจากการอยู่บ้านในช่วงที่ผ่านมา 5) Clean Energy ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ, จีน และสหภาพยุโรป ตื่นตัวและส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทน 6) Genomic Revolution นวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 7) Fintech Innovation นวัตกรรมทางการเงินที่ทำให้ธุรกรรมสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น 8) Smart Mobility เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคต และ 9) Cybersecurity เทคโนโลยีความปลอดภัยของข้อมูล ที่มีการจัดเก็บในระบบ online มากขึ้นในปัจจุบัน

สำหรับเงื่อนไขการทริกเกอร์แบ่งเป็น 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ในกรณีที่หาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.40 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวม และครั้งที่ 2 ในกรณีเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุน โดยหาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.81 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราไม่ต่ำกว่า 10.80 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และจะชำระเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการนับแต่วันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยบริษัทจัดการขอสงวนสิทธิ์นำเงินไปลงทุนต่อยังกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการ

อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดระยะเวลา 8 เดือนนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวมแล้ว ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจัดการจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการกำหนด จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขการเลิกกองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การลงทุนในธีม Mega Trend ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธีมที่น่าสนใจซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จาก New Normal และ Disruption เนื่องจากปัจจุบันผู้คนทั่วโลกต่างก็ได้ปรับการใช้ชีวิตในรูปแบบ New Normal หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่นี้เองจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ Mega Trend เติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนระหว่างทาง กองทุนทริกเกอร์นับว่าเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์อีกกองทุนหนึ่งเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น