นายเศกธัช จงศิริวัฒน์ ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ HREIT เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กองทรัสต์ HREIT ได้ทำการเปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในจำนวนไม่เกิน 137.50 ล้านหน่วยให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักลงทุนได้ให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อหน่วยทรัสต์ฯ อย่างล้นหลาม โดยมองว่าปัจจัยหลักมาจากความน่าสนใจของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุน ซึ่งมีความโดดเด่นด้านทำเลทองที่มีศักยภาพสูงเพราะตั้งอยู่ในพื้นที่โซนของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการข้ามชาติยักษ์ใหญ่หลายรายที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในหลายภาคอุตสาหกรรม และด้วยแนวโน้มความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นตัวแปรสำคัญช่วยผลักดันให้อัตราค่าเช่าของกองทรัสต์ HREIT ปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายจะทำการคืนเงินส่วนต่างระหว่างราคาเสนอขายสูงสุดกับราคาเสนอขายสุดท้ายจำนวน 20 สตางค์ให้แก่ผู้จองซื้อภายใน 7-10 วันทำการภายหลังจากการปิดจองซื้อ
ด้าน นางสาวจารุชา สติมานนท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ HREIT กล่าวว่า ขอขอบพระคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่สนใจจองซื้อหน่วยทรัสต์ฯ เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ ทำให้มียอดจองซื้อหน่วยทรัสต์ฯ เกินเป้าหมาย ทั้งนี้ เมื่อกองทรัสต์ฯ เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ฯ เพิ่มขึ้นกว่าหมื่นล้านบาท โดยทั้งผู้จัดการกองทรัสต์และผู้บริหารทรัพย์สินจะผลักดันให้กองทรัสต์ HREIT ขึ้นเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ฯ อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยกองทรัสต์จะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วย