นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีมากหลังเปิดเสนอขายกองทุนทางเลือกกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) โดยสามารถสร้างมูลค่ากองทุนหลังปิดเสนอขาย IPO ได้ประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งปิดเสนอขายไปเมื่อกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกองทุนนี้จะเน้นการลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐอเมริกา (โดยทั่วไปเรียกว่า Life Settlement) ที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตในสหรัฐอเมริกาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการจัดพอร์ตการลงทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
สำหรับภาพรวมการลงทุน สัปดาห์นี้คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากวัคซีนต้าน Covid-19 ที่มีประสิทธิภาพสูง ประกอบกับรัฐบาลและธนาคารกลางในประเทศต่างๆ มีแนวโน้มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาจสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ ส่งผลให้นักลงทุน Risk on มากขึ้น เป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม บลจ.วรรณยังคงติดตามความเสี่ยงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2563 ซึ่งการแพร่ระบาดเริ่มรุนแรงขึ้นและหลายเมืองเริ่มกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง
“การลงทุนถัดจากนี้ ภายหลังมีข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน ทำให้ตลาดมีความคาดหวังการกลับสู่ภาวะปกติ และเคลื่อนย้ายเงินลงทุนทั้งในแง่ภูมิภาคและอุตสาหกรรมเข้าสู่หุ้นกลุ่ม Old Economy เช่น ธนาคาร พลังงาน เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าลงทุนระยะยาว แม้ว่ามุมมองด้านการเติบโตของกำไรยังไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม New Economy เช่น เทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย โดยระยะสั้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการ Lockdown มีแนวโน้มถูกขายทำกำไร แต่ในระยะกลางถึงยาว บลจ.วรรณยังเชื่อมั่นว่าหุ้นกลุ่ม New Economy ที่อยู่ภายใต้กองทุนหลัก Baillie Gifford LTGG เช่น ONE-UGG ONE-DISC หรือแม้แต่หุ้นในกลุ่ม e-Commerce, Social media, platform, Food Delivery เช่น ONE-GECOM หรือ ONE-ALLCHINA ยังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั่วโลก จากลักษณะเด่นสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ และยังหาผู้ทดแทนในอนาคตได้ยาก” นายพจน์กล่าว
นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า สัปดาห์นี้บริษัทมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,380-1,450 จุด โดยเริ่มเห็น Fund Flows ไหลกลับเข้าตลาด Emerging Markets และไหลกลับเข้าตลาดไทยสูงขึ้น สะท้อนผ่านปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมาจากการเก็งกำไรรับข่าวความคืบหน้าวัคซีนของบริษัทผู้พัฒนาต่างๆ ทั่วโลก ประกอบกับสถานะการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีต (ราว 26%) อย่างไรก็ตามมองไปข้างหน้าตลาดหุ้นไทยยังคงต้องเผชิญความท้าทายในเชิงปัจจัยพื้นฐาน โดยอาจจะต้องรอจนกระทั่งถึงวัคซีนใช้งานจริงอย่างแพร่หลาย ซึ่งคาดว่าประมาณกลางปีหน้าถึงจะพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาจำนวนมากอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นอาจระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นไทยบ้าง ทั้งนี้ หากดัชนีปรับตัวลดลงมาแตะระดับแนวรับ แนะนำทยอยสะสมได้ ในส่วนของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำกระจายพอร์ตการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ