xs
xsm
sm
md
lg

เมืองไทยประกันชีวิตเปิดตัว “mOnePlus” ยูนิตลิงก์ตอบโจทย์วางแผนการเงิน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นหลัก ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน “mOnePlus” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการวางแผนทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น ทั้งการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว การสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว หรือการวางแผนเกษียณ เพื่อปรับเปลี่ยนแผนชีวิตให้สมดุล ด้วยโอกาสรับความคุ้มครองชีวิตที่มากขึ้น พร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง

mOnePlus เป็นประกันชีวิตควบการลงทุนหรือยูนิตลิงก์ที่มีจุดเด่นคือรวมการประกันชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวมเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องมือทางการเงินเพื่อเก็บออมระยะยาว และต้องการความคุ้มครองชีวิตพร้อมโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามจังหวะชีวิต รวมถึงลดข้อจำกัดเรื่องอายุในการรับประกัน โดยลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันภัยเพียงครั้งเดียว เริ่มต้นที่ 50,000 บาท และสามารถสมัครทำประกันได้ถึงอายุ 80 ปี แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตถึงอายุครบ 99 ปี พร้อมให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครองชีวิตตามความต้องการ ไม่จำกัดจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงสุด สามารถปรับเพิ่มหรือลดความคุ้มครองได้ปีละ 1 ครั้ง มีความคล่องตัวสูง ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสำหรับเบี้ยประกันภัยหลัก ทำให้สามารถนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทั้งนี้ ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนของเมืองไทยประกันชีวิตอยู่ที่การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกจัดพอร์ตกองทุนรวมได้หลากหลาย และเข้าถึงกองทุนคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้คัดสรรกองทุนรวมศักยภาพจาก บลจ.ชั้นนำ ทั้งยังมีพอร์ตการลงทุนแนะนำที่มีการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงของลูกค้าให้เลือกลงทุนถึง 5 พอร์ตโฟลิโอ ซึ่งมีการติดตามผลการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าบรรลุทุกเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมพิเศษคือการปรับสัดส่วนการลงทุนอัตโนมัติ (Automatic Fund Re-balancing : AFR) เพื่อช่วยให้สัดส่วนการลงทุนกลับมาอยู่ในสัดส่วนที่ลูกค้าออกแบบไว้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนไม่ให้มีความผันผวนเกินกว่าที่วางแผน และเป็นการช่วยรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการปรับพอร์ต

WHART เตรียมเพิ่มทุนครั้งที่ 5 เพื่อลงทุนทรัพย์สิน มูลค่าไม่เกิน 3,234 ล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท เป็นกองทรัสต์ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้มั่นคง ซึ่ง WHA Group มีนโยบายนำทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART อย่างต่อเนื่อง

“นับตั้งแต่ IPO ในปี 2557 เป็นต้นมา ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ WHART มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และในฐานะ WHA Group ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ มีนโยบายนำทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมียมเข้ากองทรัสต์ WHART ทุกปีโดยมุ่งเน้นโครงการประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า และโรงงานประเภท Built-to-Suit ระดับพรีเมียม ที่ครบทั้งระบบสาธารณูปโภค พลังงาน และ Digital Infrastructure โดยผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำ มีสถานะทางการเงินที่มั่นคง และมีสัญญาเช่าระยะยาว”

ด้านนายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 5 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 6 ของกองทรัสต์ WHART เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,233.96 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า ประเภท Built-to-Suit จำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็นพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 128,789.00 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าลานจอดรถประมาณ 3,055.00 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 120 ไร่ 1 งาน 58.10 ตารางวา

ทั้งนี้ เมื่อกองทรัสต์ WHART เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 6 จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ WHART เพิ่มขึ้นเป็น 42,232.05 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 39,020.19 ล้านบาท ส่งผลให้กองทรัสต์ WHART สามารถรักษาความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงาน ตามขนาดของมูลค่าทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น ช่วยสร้างผลตอบแทน (Distribution) ที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในระยะยาว เบื้องต้นคาดว่าอัตราประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับตามประมาณการประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนต่อหน่วยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติ สอบทานโดยผู้สอบบัญชีอยู่ที่ 0.79 บาทต่อหน่วย
กำลังโหลดความคิดเห็น