นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจัยความผันผวนของตลาดการลงทุนในทุกสินทรัพย์ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ถือว่าเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยได้ถูกปรับลดลงจนต่ำที่สุดในประวัติการณ์นั้น บลจ.ยูโอบีจึงมองหาโอกาสทางการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนในภาวะการลงทุนดังกล่าว โดยเน้นการกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ทั่วโลกที่เป็นตราสารหนี้คุณภาพดี ระดับ Investment Grade และมีสภาพคล่องสูง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้ขณะที่มีความผันผวนในระดับต่ำ”
ล่าสุดบริษัทจะทำการเปิดขาย ‘กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ ออฟ ฟันด์’ (UFFF) ในวันที่ 22-28 กันยายน 2563 นี้ ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่มีกระบวนการคัดเลือกกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่ได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจจัดการกองทุน ยูโอบี (UOBAM Group) และประสานความเชี่ยวชาญในการบริหารการลงทุนโดยทีมงานผู้มีประสบการณ์ในระดับภูมิภาคจาก บลจ.ยูโอบี (ประเทศสิงคโปร์) มาเป็นที่ปรึกษาทางการลงทุนของกองทุน UFFF เพื่อที่จะติดตาม วิเคราะห์และแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและการลงทุนในเชิงลึก”
“ความน่าสนใจของกองทุน UFFF คือการออกแบบโครงสร้างกองทุนและพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมกับแต่ละสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเน้นการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งกระจายไปยังผู้ออกตราสารมากกว่า 100 รายผู้ออก* และหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อหาโอกาสทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่มีการบริหารความเสี่ยงให้กองทุนมีระดับความผันผวนต่ำ และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ” (*ข้อมูลอ้างอิงจาก Portfolio model ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
กองทุน UFFF มีโครงสร้างการลงทุน 3 ส่วนหลัก เพื่อมุ่งสร้างสภาพคล่องและโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในเวลาเดียวกัน โดยส่วนที่ 1. สัดส่วนประมาณ 50% ของพอร์ตการลงทุน ลงทุนเพื่อสภาพคล่องของกองทุนและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยเน้นลงทุนในกองทุนตลาดเงิน (Money Market fund) ทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำแต่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน ส่วนที่ 2. ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพทั่วโลก ทั้งในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ระดับ Investment Grade มุ่งให้สัดส่วนการลงทุนนี้อยู่ในระดับ 30-35% ของพอร์ตการลงทุน และยึดหลักการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมในการคัดเลือกกองทุน พิจารณาทั้งในด้านผลตอบแทนและความเสี่ยงควบคู่กัน ในสัดส่วนนี้ทีมบริหารงานลงทุนมีการคัดเลือกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นทั่วโลกที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพของผู้ออกตราสารเป็นหลัก คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานที่ดีและเป็นกองทุนที่ผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจมายาวนาน ประกอบกับมีผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนที่ดีและสม่ำเสมอ
สำหรับส่วนที่ 3. กองทุนมุ่งเน้นลงทุนเพื่อเสริมโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ High Yield ในแต่ละภาวะตลาดในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป โดยผู้จัดการกองทุนจะมีการประเมินความเสี่ยงและปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาด ซึ่งการลงทุนในส่วนตราสารหนี้ High Yield จะไม่เกิน 20% ของพอร์ตการลงทุน
กองทุน UFFF มีกลยุทธ์ในการบริหารกองทุนแบบ Active โดยกองทุนเน้นการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นตามสภาวะตลาดเพื่อหาโอกาสทางการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดในทุกช่วงภาวะเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงสภาพคล่องของกองทุนและการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยทีมงานบริหารกองทุนของ บลจ.ยูโอบี และทีมงานระดับภูมิภาควิเคราะห์และติดตามปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เช่น แนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ทิศทางนโยบายการเงินและการคลัง ภาวะการลงทุนของตราสารหนี้ กระแสเงินทุน (Fund Flow) ดีมานด์-ซัปพลายของตราสารหนี้แต่ละประเภท ฯลฯ รวมถึงภาพรวมผลการดำเนินงานกองทุน
นางสาวรัชดากล่าวเสริมว่า “บลจ.ยูโอบีเชื่อมั่นว่ากองทุน UFFF จะเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนจากการกระจายการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้คุณภาพทั่วโลก”