หลายประเทศทั่วโลกในเวลานี้ยังประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างหนัก ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการแพร่ระบาดขึ้นใหม่อีกระลอก จึงเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยกันยกใหญ่ แต่หากมองกันดีๆ แล้วในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ซึ่งโอกาสการลงทุนจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ยังคงเป็นการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นหุ้นในภูมิภาคที่มีปัจจัยภายในที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นภูมิภาคไหนไปไม่ได้นอกจาก ‘ภูมิภาคเอเชีย’ นั่นเอง
ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเห็นได้ว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน สามารถรับมือและควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีกว่าประเทศตะวันตก ส่งผลให้บริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศ ทำให้พึ่งพาการส่งออกน้อย ดังนั้น เศรษฐกิจและตลาดการเงินในภูมิภาคเอเชียจึงค่อนข้างมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะถูกนำออกมาใช้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในจีน ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลก โดยสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงจะช่วยหนุนกระแสเงินลงทุนให้ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยหนุนจากการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกในระยะที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ทั้งนี้ มูลค่าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นเอเชียในดัชนีหุ้นโลกมีเพียง 12% ดังนั้น เมื่อมูลค่าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกหลายด้าน จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผู้ลงทุนจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเอเชียในอนาคตเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาททางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียที่เพิ่มขึ้น
ด้วยศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย บลจ.กสิกรไทยจึงได้จัดตั้ง กองทุนเปิดเค เอเชีย คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-ASIACV) เปิดเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 18-25 สิงหาคม 2563 โดยกองทุน K-ASIACV มีกลยุทธ์การลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก ได้แก่ Morgan Stanley Investment Funds Asia Opportunity Fund - Z Shares และ Lombard Odier Funds - Asia High Conviction, (USD), N Class A ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ชั้นนำระดับโลก โดยมีนโยบายการลงทุนที่เน้นคัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดเพียง 25-40 ตัวเท่านั้น (High Conviction) และมีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) เช่น หุ้นในกลุ่ม New Economy จำพวกสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าฟุ่มเฟือย ไอที การเงิน รวมถึงธุรกิจดูแลสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ กองทุน K-ASIACV ยังถือเป็นกองทุนหุ้นเอเชียกองทุนเดียวในอุตสาหกรรมที่มีโมเดลควบคุมความเสี่ยง โดยเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น โมเดลจะปรับมาถือครองเงินฝากหรือตราสารหนี้มากขึ้น ในขณะที่เมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนน้อยลง โมเดลจะปรับมาถือครองหุ้นให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยกลับมีความเสี่ยงมากกว่า โดยถึงแม้ว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ด้วยปัจจัยภายในที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ ทำให้หลายประเทศเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียผ่านกองทุน K-ASIACV จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อสร้างขุมทรัพย์การลงทุนในระยะยาว