AIA ประกันชีวิตโอนสินทรัพย์ลงทุน 8.3 แสนล้านประเดิมตั้ง บลจ.ลุยธุรกิจกองทุนรวมเสิร์ฟลูกค้ายูนิตลิงก์ คาดยอดสะพัดเข้ากองทุนรวมเฉลี่ย 5-6 พันล้านบาทต่อปี ระบุหุ้นไทย-ทั่วโลกแพง แนะลงทุนอย่างระมัดระวัง
ดร.มาร์ค โคนิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า เอไอเอ ประเทศไทยได้ทำการเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (AIAIMT) มุ่งเน้นบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ยูนิตลิงก์ และเป็นการจัดการค่าธรรมเนียมกองทุนรวมเชิงรุกที่ลดลง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทย และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ของเอไอเอ ประเทศไทย
ปัจจุบัน บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมูลค่า 847,000 ล้านบาท โดยเป็นการรับโอนสินทรัพย์การลงทุนจากบริษัท เอไอเอประกันชีวิต แบ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 5.1 แสนล้านบาท ตราสารหนี้ภาคเอกชน 1 แสนล้านบาท การลงทุนต่างประเทศ 1.3 แสนล้านบาท
สำหรับกองทุนรวมที่บริษัทคาดว่าจะทำการเปิดขายมีทั้งสิ้นไม่เกิน 20 กองทุน เบื้องต้นได้ทำการเปิดขายกองทุนรวมในประเทศไปแล้ว 5 กองทุน และต่อจากนี้จะเสนอขายกองทุนต่างประเทศอีก 7 กองทุน แต่คาดจะสามารถเปิดขายได้ก่อน 4 กองทุนในต้นปีหน้า ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีมูลค่ากองทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในส่วนของกองทุนรวมจะมีเม็ดเงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อปี
“การก่อตั้ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จึงเป็นโอกาสอันดีที่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเราจะได้มีเครือข่ายการลงทุนระดับโลกของเอไอเอ เช่น BlackRock, Wellington Management และ Baillie Gifford ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน และยังช่วยประหยัดต้นทุนการลงทุนค่าธรรมเนียม ถ้าคิดซะว่าปีละ 0.5 รวม 10 ปีลูกค้าเราก็ประหยัดไปแล้ว 5% เป็นต้น” นายสุขวัฒน์กล่าว
นายสุขวัฒน์กล่าวอีกว่า ภาวะการลงทุนในปัจจุบันค่อนข้างผันผวนสูง และถือเป็นช่วงที่ราคาหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทยมีราคาแพงในระดับหนึ่งเนื่องจากได้สะท้อนความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความสำเร็จของการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว โดยการลงทุนในระยะนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และบริษัทเชื่อว่าควรมีการกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในประเทศและมีสิทรัพย์ให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย
สำหรับหุ้นไทยยังไม่เห็นว่ากลุ่มไหนจะโดดเด่นขึ้นมาในช่วงนี้ ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้จะมาจากนโบายการเงิน การคลังของภาครัฐในการขับเคลื่อนเป็นหลัก