นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลกว่า 138 ล้านบาท สำหรับ 4 กองทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ งวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562-วันที่ 31 มกราคม 2563 จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล อิควิตี้ (SCBGEQ) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน Veritas Global Focus (กองทุนหลัก) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.6324 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ไปแล้วจำนวน 0.1491 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.4833 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 11 รวมจ่ายปันผล 2.3740 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 14 ก.พ. 2556) โดยกองทุนนี้จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Global Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ (ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (SCBEUEQ) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ iShares STOXX Europe 600 (DE) โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX Europe 600 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX Europe 600 กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.4925 บาทต่อหน่วย โดยได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ไปแล้วจำนวน 0.2376 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.2549 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 10 รวมจ่ายปันผล 1.7895 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 26 ก.พ. 2557)
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ (SCBCHA) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ ChinaAMC CSI 300 Index ETF (กองทุนหลัก) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี CSI 300 กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.2768 บาทต่อหน่วย โดยได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ไปแล้วจำนวน 0.1388 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1380 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 6 รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.5999 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 13 ก.พ. 2558)
นอกจากนี้ยังมีกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBPIND) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งมีกระบวนการลงทุนโดยการคัดเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REITs ภายใต้กรอบการลงทุน คือ High Cash flow, High EPS Growth และ High Dividend Yield โดยมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดไทยประมาณ 45% สิงคโปร์ประมาณ 48% และเงินฝากหรือสินทรัพย์อื่นอีกประมาณ 7% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563 ได้กำหนดจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2562-31 มกราคม 2563 ในอัตรา 0.2650 บาทต่อหน่วย โดยได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ไปแล้วจำนวน 0.1356 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1294 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 5 รวมจ่ายปันผลแล้ว 0.7757 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 21 สิงหาคม 2561)
บริษัทฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ REITs โดยมองว่าความน่าสนใจในสินทรัพย์ประเภทนี้ยังคงมีอยู่ ภายใต้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของกองทุนฯ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี อยู่ที่ 3.76% และส่วนต่างระหว่างเงินปันผล REIT สิงคโปร์ เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสิงคโปร์ 10 ปี อยู่ที่ 3.58% ประกอบกับดัชนีในอสังหาริมทรัพย์ และ REITs สิงคโปร์ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีในปี 2562 จากการเพิ่มสภาพคล่องและการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ลดดอกเบี้ยมา 3 ครั้ง ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลดดอกเบี้ยมา 2 ครั้ง ในปี 2562 ดัชนี PF&REIT ไทยให้ผลตอบแทน Total Return ที่ 22.54% ในขณะที่ดัชนี REIT ในสิงคโปร์ให้ผลตอบแทน Total Return ที่ 25.71%