KASSET แนะลงทุนหลากสินทรัพย์ลดความเสี่ยงแต่ผลตอบแทนดี ชู “K-PLAN 3” งานดี กองทุนระดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 5.71% เน้นลงทุนหลากสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้หนุนหุ้นไปต่อ คงดัชนีสิ้นปี 1,800-1,850 จุด แต่ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ ทั้งดอกเบี้ยโนยบาย และการกีดกันการค้ากระทบลงทุนผันผวนระยะสั้น
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทขอแนะนำทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนเฉพาะในหุ้นเพียงอย่างเดียว อาจเลือกลงทุนกับกองทุนที่มีนโยบายแบบผสมแทน ได้แก่ กองทุนเปิดเค แพลน 3 (K-PLAN 3) ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Multi-asset) ทั้งในและต่างประเทศ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และทองคำ โดยกองทุนจะลงทุนหุ้นสูงสุดไม่เกิน 55% และลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90%
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเพิ่มลดน้ำหนักการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง แต่ยังต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน K-PLAN3 สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอ โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มี.ค. 2561 มีผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 8.55% ต่อปี และผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 5.71% ต่อปี โดยเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 7.83% ต่อปี และ4.94% ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ กองทุน K-PLAN3 ยังเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ยาวนานที่สุดในกลุ่มเป็นระยะเวลา 17 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2559 เป็นต้นมา (Morningstar® Overall Rating ในกลุ่ม Moderate Allocation, ข้อมูลจาก Morningstar® วันที่ 31 มี.ค. 61)
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้บริษัทเชื่อว่ายังอยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2561อยู่ที่ 4.0% โดยมีภาคการส่งออกและท่องเที่ยวเป็นตัวหนุนหลัก ขณะที่การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ สภาพคล่องภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่คาดว่าจะคงอยู่ที่ระดับ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และคาดการณ์เป้าหมาย SET Index ปลายปี 2561 อยู่ที่ 1,800-1,850 จุด บนปัจจัยพื้นฐานที่ระดับ P/E ปี 2561 ที่ประมาณ 16-16.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามซึ่งมาจากภายนอกประเทศเป็นหลัก เช่น ความกังวลต่อมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยลดสภาพคล่องในระบบ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดอาจส่งผลต่อความผันผวนในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ (Geopolitical Risk) ที่จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนภายในภูมิภาค
