TSI ตั้งเป้าเบี้ยปีจอพันล้าน ลั่นรุกธุรกิจเต็มสูบหลังมีพันธมิตรใหม่

ไทยเศรษฐกิจประภันภัยตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท รุกขยายฐานลูกค้ารายย่อย และสินค้า Non Motor มากขึ้น มั่นใจพันธมิตรใหม่ช่วยขยายฐานลูกค้า และเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ยันตั้งใจบริหารธุรกิจเต็มสูบ เดินหน้าพัฒนาช่องทางดิจิตอลหวังเพิ่มความสะดวกด้านสินไหม และบริการ ระบุแนวโน้มขาดทุนสะสมดีขึ้น ปีที่ผ่านมาลดลง 37%

นางสาวอรลดา เผ่าวิบูล กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TSI เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 827.24 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 20% โดยแบ่งเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันภัยรถยนต์ 700 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพยายามที่จะเพิ่มอัตราการต่ออายุของกรมธรรม์เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมให้มากขึ้นด้วย

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทเตรียมขยายฐานลูกค้ารายย่อย และกลุ่มธุรกิจประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร ทั้งประกันอัคคีภัย ประกันภัยธุรกิจ SME ประกันภัยบ้าน ประกันภัยสินทรัพย์ ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยวิศวกรรม ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยขนส่งทางทะเล โดยคาดว่าจะมีสินค้าออกมาใหม่ประมาณ 4 ตัว แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ใหม่ 2 แบบ และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 2 แบบ

ล่าสุดในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทได้ออกผลิตภภัณฑ์ใหม่ TSI SME Strong Business ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ SME ตั้งแต่ร้านค้ารายย่อย จนถึงบริษัทผู้ประกอบการด้วยเบี้ยเริ่มต้นเพียง 555 บาท

“ในปีนี้เราจะเน้นคุณภาพเพื่อให้สัดส่วนค่าสินไหมต่อเบี้ยประกันภัยลดลง ซึ่งน่าจะทำให้คุณภาพของการรับประกันของบริษัทดีขึ้นจากเดิมที่อยู่สูงกว่าอุตสาหกรรม อีกส่วนที่เราเน้นจะเป็นเรื่องการต่ออายุกรมธรรม์ ซึ่งตรงนี้เราถือเป็นตัวหลักอีกอันที่มอบเป็นนโยบายให้พนักงานเพื่อเป็นตัวชี้วัดผลงานควบคู่กันไป” นางสาวอรลดากล่าว

นางสาวอรลดากล่าวอีกว่า นอกจาการบริหารงานแล้วบริษัทยังเตรียมพัฒนาระบบไอทีเพื่อรองรับการบริหารทั้งในด้านสินไหม และจัดการข้อมูลภายในองค์กรเพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณหลัก 10 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปีกับการพัฒนาระบบดิจิตอล ซึ่งน่าจะเห็นเป็นรูปประธรรมได้ในส่วนของแอปพลิเคชันที่สามารถช่วยจัดการเคลมสินไหมให้แก่ลูกค้าผ่านทางออนไลน์ก่อน

ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายหลังจากบริษัทได้พันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน อส้งหาริมทรัพย์และก่อสร้างเข้ามาร่วมทุน 98.2 ล้านบาทนั้น นอจจากจะได้ความแข็งแกร่งทางการเงินแล้ว ยังเป็นการต่อยอดธุรกิจออกไปอีก และในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะมีผู้บริหารเข้ามาดูแลในด้านการขยายฐานลูกค้าในเครือพันธมิตรโดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะช่วยให้สามารถขยายตลาดประกันภัยในวงกว้างได้

“โครงสร้างของบริษัทหลังจากมีพันธมิตรใหม่มีการปรับเปลี่ยนไปพอสมควร แต่เป็นความตั้งใจในการบริหารและดำเนินธุรกิจ ซึ่งแนวโน้มน่าจะดีขึ้นทั้งในส่วนของการขาดทุนสะสม และฐานะเงินทุนสำรองในการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันคณะกรรมบริษัทมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,326 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ถึงแม้จะไม่มีการชำระเต็มจำนวนแต่อยู่ในระหว่างดำเนินการตามที่มีการตกลงกันไว้ ส่วนการขาดทุนตามที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ไปจะพบว่าหากดูจากไตรมาสสุดท้ายปี 60 บริษัทมีอัตราการขาดทุนที่ 115 ล้านบาท ลดลงถึง 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า” นางสาวอรลดากล่าว