บลจ.กสิกรไทยปันผล3 กองหุ้นรวมกว่า 164 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากการลงทุนภาครัฐที่จะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนเข้าระบบ ส่วนหุ้นไทยปีนี้ 1,650 จับตาดอกเบี้ยนอกอาจกระทบเงินไหลเข้า แต่มั่นใจปีหน้าการลงทุนยังเป็นบวก
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) ในอัตรา 0.27 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560-31 กรกฎาคม 2560 กองทุนเปิดรวงข้าว 2 (RKF2) ในอัตรา 0.67 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) ในอัตรา 0.18 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559-31 กรกฎาคม 2560 โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 11 สิงหาคม 2560 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 164.02 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการลงทุนและเศรษฐกิจภายในประเทศ นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า “โดยรวมยังคงเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ายังคงมีการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่าน่าจะเห็นการเติบโตของ GDP ได้ในระดับ 3.5-4% ใน 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการอนุมัติโครงการลงทุนภาครัฐซึ่งทยอยอนุมัติโครงการมาแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คาดว่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น”
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ระดับดัชนี 1,570 จุด มีการซื้อขายที่ PE 15.4X ในปีนี้ และ PE 13.9X ในปีหน้า ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ระดับ 13.7X ซึ่งไม่ถือว่าแพงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่ายังอยู่ในระดับต่ำ โดย บลจ.กสิกรไทยยังคงเป้าหมายคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปีอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด และยังมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการลงทุนต่อเนื่องในปีหน้า ด้านปัจจัยที่จะส่งผลต่อความผันผวนที่ผู้ลงทุนต้องจับตามองน่าจะเป็นเรื่องของผลกระทบจากอุทกภัยทางภาคอีสานที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศแต่เป็นเพียงระยะสั้น ผลกระทบจากมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2560 นี้ รวมถึงท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเนื่องถึง Fund Flow
นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในกองทุน K-VALUE นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 9.57 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีอัตราการจ่ายปันผลประมาณ 17.2% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.17% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.93% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค.60) ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราที่น่าสนใจ และราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางปัจจัยพื้นฐาน ที่เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง
ด้านกองทุน RKF2 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 26 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 19.84 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีอัตราการจ่ายปันผลประมาณ 5.3% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.87% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.93% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 60) และกองทุน RKF4 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 21 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 9.07 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีอัตราการจ่ายปันผลประมาณ 6.8% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.56% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.93% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 60) สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน RKF2 และกองทุน RKF4 เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี และได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นหุ้นกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในปี 2560