ช่วยส่งกำลังใจให้จังหวัดที่ถูกน้ำท่วม ส่วนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนี้คงต้องหาทางฟื้นฟูและเยียวยากันไป และสำหรับเจ้าของรถที่ได้รับความเสียหายแต่ยังไม่รู้จะทำอย่างไร วันนี้เรานำขั้นตอนการปฏิบัติและการขอชดเชยจากบริษัทประกันภัยมาฝากกัน
รถที่โดนน้ำท่วม
1. หลังน้ำลด ให้รีบถอดขั้วแบตฯ อย่าสตาร์ทเครื่อง
2. แจ้งประกันภัยถ้ามีคุ้มครอง ถ้าไม่มี ให้ลากหรือขึ้นรถสไลด์ไปหาอู่-หาช่างที่ไว้ใจได้
3. ถ้าสตาร์ทเครื่อง น้ำที่ค้างอยู่อาจทำให้ระบบไฟฟ้าเกิดการช็อตหรือลัดวงจร ก้านสูบอาจคด จะเสียหายบานปลายได้
4. ส่วนพรม-เบาะชุ่มช่างมัน ยังไงก็ซักตากได้ครับ
5. ถ้าถอดขั้วแบตฯ ได้ก่อนน้ำท่วมจะดี แต่มักไม่ทัน
6. ถ้ามีประกันภัยครอบคลุม อย่าให้เจ้าหน้าที่เขาสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด
น้ำท่วมประกันก็คุ้มครอง
หากรถได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม บางคนจะตกใจว่าประกันของเราเคลมได้ไหม พี่หมีขอยืนยันว่าเคลมได้ครับ ประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดในการคุ้มครองลองไปดูข้อต่อไปกันเลยครับ
ประกันจะชดเชยตามความเสียหาย
เบื้องต้นประกันจะประเมินความเสียหายของรถก่อนที่จะทำการเคลม จ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยพิจาณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง ซึ่งแบ่งออกเป็นสองระดับนี้ครับ
1. เสียหายโดยสิ้นเชิง (total loss)
ในกรณีนี้ รถยนต์ของผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียหายโดยสิ้นเชิง อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว บริษัทประกันจะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ร้อยละ 70 ของมูลค่ารถคันนั้น ยกตัวอย่างเช่น น้ำท่วมมิดคันรถ หรือน้ำท่วมเกินคอนโซลหน้ารถ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้ห้องโดยสาร เป็นต้นครับ
2. เสียหายแค่บางส่วน (partial loss)
ในกรณีนี้บริษัทประกันจะประเมินว่ารถยนต์คันที่เอาประกันยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาอยู่ในสภาพดังเดิมได้ โดยจะถือเป็นความรับผิดชอบของประกันในการซ่อมแซมและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อคืนสภาพรถคันดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการซักพรม ฟอกเบาะ ทำความสะอาดภายใน ไปจนถึงการทำความสะอาดต่างๆ ก็สามารถเคลมได้ครับ
เข้าสู่ขั้นตอนการเคลม
รู้ระดับความเสียหายและการคุ้มครองแล้ว มาเข้าสู่ขั้นตอนการเคลมกันเลยครับ
1. ควรถ่ายเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับรถยนต์และเอกสารเกี่ยวกับการประกันรถยนต์ เช่น กรมธรรม์ สำรอง 1 ชุด ไว้นอกรถเพื่อใช้อ้างอิงในการแจ้งข้อมูลแก่บริษัทประกัน
2. แจ้งเคลมกับบริษัทประกันทันทีที่ทราบความเสียหาย
3. ถ่ายภาพรถยนต์และความเสียหายที่เกิดขึ้นเก็บไว้เป็นข้อมูล เพื่อใช้ชี้แจงแก่บริษัทประกัน
4. ในกรณีที่บริษัทประกันไม่สามารถส่งพนักงานไปบันทึกและตรวจสอบความเสียหายได้ พี่หมีแนะนำให้ถ่ายภาพไว้ตามข้อสามและควรให้บุคคลอื่น เช่น คนในครอบครัว, เพื่อนบ้าน เป็นพยานที่สามารถยืนยันความเสียหายด้วย
5. กรณีที่ไม่สามารถแจ้งบริษัทประกัน หรือถ่ายภาพไว้ได้ ให้บันทึกรายละเอียดข้อมูลความเสียหายไว้ เช่น วันที่ที่เกิดความเสียหาย, สภาพความเสียหายที่เห็นได้ด้วยตา และรีบแจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อมีโอกาสครับ
6. จากข้อห้า พี่หมีแนะนำให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อขอทำบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันข้อมูลความเสียหายของรถยนต์เบื้องต้นเท่าที่เห็นด้วยตา ก็จะช่วยได้อีกแรงครับ
ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่เคยนำมาบอกกล่าวไปแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีประโยชน์ ส่วนบริษัทประกันไหนจะลดขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือกันสามารถสอบถามได้โดยตรงเลย และขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากบริษัท ทีคิวเอ็ม โบรกเกอร์ ประกันภัย เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกคน