นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาราคากองทุนอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงทำให้ผู้ลงทุนเริ่มไม่สบายใจ แต่ปัจจุบันราคากองทุนอสังหาฯ เริ่มนิ่ง และอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยกลับมาอยู่ในระดับสูงประมาณ 6% ต่อปี (ข้อมูล ณ 14 มิ.ย. 60, Bloomberg) ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงต้นปี 2559 ที่จ่ายในระดับ 6.2% (Bloomberg) ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 2.6% ต่อปี (ข้อมูล ณ 14 มิ.ย. 60, Bloomberg) ทำให้เห็นส่วนต่างผลตอบแทนที่เริ่มจูงใจเหมือนช่วงต้นปีที่แล้ว และแม้ว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกเข้าสู่ช่วงขาขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยภายในไทยคงจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ซึ่งในมุมหนึ่งก็เอื้อต่อธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับค่าเช่าต่อไป ทำให้ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อสะสม
นอกจากกองทุนอสังหาฯ ในไทยจะเริ่มกลับมาน่าสนใจแล้ว สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็ยังคงน่าลงทุนอยู่ เพราะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกอัตราผลตอบแทนในรูปของอัตราเงินปันผลของตลาดเอเชียยังคงสูงสุด (Dividend Yield) ทั้งนี้เพราะภูมิภาคเอเชียถือเป็นตลาดเกิดใหม่และมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้มีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งในมุมมองด้านราคาถือว่ายังน่าสนใจ
โดยปัจจุบัน บลจ.ธนชาตมีกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่ 3 กองทุน คือ 1. กองทุนเปิดธนชาต พร็อพเพอร์ตี้เซ็คเตอร์ฟันด์ (T-Property) 2. กองทุนเปิดธนชาตพร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิล (T-PropInfraFlex) และ 3. กองทุนเปิดธนชาตเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ (T-AsianProp) โดยบริษัทเตรียมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันทั้ง 3 กองทุน