บลจ.ธนชาตเชื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในไทยเริ่มนิ่ง แนะให้หวังเงินปันผลมากกว่ากำไรขาดทุน (Capital Gain) แต่หากต้องการกระจายเสี่ยง เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์เอเชียเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
นางสาวณัฐรา ลีนะวัต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทบของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในไทยเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ปัจจุบันอัตราเงินปันผลของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยประมาณ 6% ปรับขึ้นมาเกือบ 1% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 5% เพราะราคาของกองทุนอสังหาฯ ปรับลดลงในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับที่สูงขึ้น
ตั้งแต่ต้นปีภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในไทยแตกต่างจากปีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง จากที่เคยสามารถทำผลตอบแทนได้เกือบ 20% กลับเป็นติดลบในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จนเกิดเป็นแรงเทขายที่ค่อนข้างหนักพอสมควร ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง และคงต้องเน้นย้ำว่าโดยลักษณะของกองทุนประเภทนี้ ผู้ลงทุนควรเข้าใจว่าเป็นการลงทุนในระยะยาวและหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลัก ซึ่งท้ายที่สุดก็คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่คาดไว้
สำหรับนักลงทุนที่คุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ไทยอาจรู้สึกว่าผลตอบแทนในช่วงนี้มีค่อนข้างจำกัด ประกอบกับในช่วงต้นปีเป็นต้นมาจะเห็นได้ว่าผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกกลับให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า บลจ.ธนชาตจึงแนะให้ขยายพอร์ตกระจายไปยังตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศบ้างโดยเฉพาะเอเชีย โดยเชื่อว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเสี่ยงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
บลจ.ธนชาตมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ กองทุนเปิดธนชาตเอเชี่ยนพร๊อพเพอร์ตี้ (Thanachart Asian Property Fund) หรือ T-AsianProp ซึ่งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในเอเชียอยู่ที่ 4.25% มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2560 เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐาน 3.94% และเมื่อดูผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 59 พบว่าอยู่ที่ 4.98% เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐาน 4.29% (ข้อมูลจาก มอร์นิ่งสตาร์, 9 พ.ค. 60) ซึ่งนับว่าน่าสนใจมาก และจากข้อมูลยังพบว่าราคาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นยังคงมีความน่าสนใจเพราะการเข้าซื้อของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตามสภาวะเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
จากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงกลางปีนี้ ที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดตั้งแต่ในช่วงเดือน มิ.ย.นั้น อาจเป็นจังหวะให้เข้าลงทุนแม้ว่าจะมีการปรับราคารับข่าวนี้ไปบ้างแล้วก็ตาม ประกอบกับแผนการลดขนาดการซื้อตราสารหนี้ของทั้งเฟดและอีซีบี มีแนวโน้มจะส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนมากขึ้นในระยะต่อๆ ไป นักลงทุนจึงควรใช้โอกาสนี้ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้นและยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลตามความเหมาะสม
กองทุนเปิด T-AsianProp ลงทุนในกองทุน B&I Asian Real Estate Securities Fund (UCITS) บริหารและจัดการโดย B&I Capital AG จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) ซึ่งอยู่ภายใต้ UCITS กองทุนนี้เป็นกองทุนแรกในอุตสาหกรรมกองทุนบ้านเราที่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เอเชีย ซึ่งมีนโยบายลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกได้ทั้งหมด โดยกองทุนนี้มีจุดแข็งสำคัญ คือ ผู้จัดการกองทุนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียมาอย่างยาวนาน เพราะแม้ว่าเราจะรู้ว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่เติบโตสูง และมีศักยภาพที่ดี แต่การติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือข้อมูลวิเคราะห์ในเชิงลึกยังคงเป็นเรื่องสำคัญในการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน