xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯ เฮกอง Termfund เกลี้ยง ชูโอกาสรับผลตอบแทน 1.60% ต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยเผยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุโครงการ 3 เดือนที่ได้เปิดเสนอขายไปในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ดันยอดจองซื้อขายเกลี้ยงเต็มมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมส่งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุโครงการ 3 เดือน และ 6 เดือน เสนอขายต่อเนื่อง ชูโอกาสรับผลตอบแทน 1.60%-1.65% ต่อปี เปิดเสนอขาย 20-26 ธันวาคมนี้

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยได้มีการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยล่าสุดที่ได้เสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอโอ (KFF3MAO) ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน กองทุนดังกล่าวสามารถปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนดระยะเวลา เนื่องจากมีผู้ลงทุนจองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท บลจ.กสิกรไทยจึงเตรียมเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องอีกในระหว่างวันที่ 20-26 ธันวาคม 2559 ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเอ็ม (KFF6MCM) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.65% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอพี (KFF3MAP) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.60% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชัชชัยกล่าวว่า “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 0.50-0.75% ตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ คณะกรรมการ Fed ยังคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งในปี 2560 ส่วนสถานการณ์ตลาดที่ผู้ลงทุนจะต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ว่าจะมีการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องหรือไม่อย่างไร หลังจากที่ Fed ได้แสดงความชัดเจนว่าจะดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางด้านนโยบายการเงินของไทย บลจ.กสิกรไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 21 ธ.ค.นี้น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี รวมถึงยังมีแนวโน้มทรงตัวไปจนถึงสิ้นปีหน้า เนื่องจากมองว่าทิศทางของเศรษฐกิจไทยยังมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จึงต้องมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ”

นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนที่จะเสนอขายใหม่ในสัปดาห์นี้ ด้านกองทุน KFF6MCM ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, ตราสารหนี้ Qatar National Bank และตราสารหนี้ ICBC Ltd. นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ด้านกองทุน KFF3MAP ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ ICBC Ltd. และพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเคเอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น