บลจ.กรุงศรีเตรียมจ่ายเงินปันผลพร้อมกัน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ในอัตราประมาณ 0.85 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ในอัตราประมาณ 0.25 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 17 พ.ย.นี้ โดยทั้ง 2 กองทุนนั้นมีผลตอบแทนที่ดีมาตลอดและจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สำหรับตลาดหุ้นไทยกรุงศรีมองว่ายังมีความน่าสนใจในการลงทุน เศรษฐกืจไทยอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัว
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล(KFLTFDIV) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559 ในอัตราประมาณหน่วยละ 0.85 บาท และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559-30 กันยายน 2559 ในอัตราประมาณหน่วยละ 0.25 บาท มีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนทั้งสองกองทุนในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 และจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้”
“กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ถือเป็นกองทุน LTF ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมและมีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 33,940 ล้านบาท เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่มีเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี ทั้งนี้ กองทุนมีประวัติการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอในทุกปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2547 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 โดยกองทุนมีการประกาศจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 11 ครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7.94 บาท นอกจากนี้ กองทุน KFLTFDIV ยังสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีได้สูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นโดยรวม” (ข้อมูล บลจ. กรุงศรี 30 ก.ย. 59)
“ในส่วนของกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนการลงทุนในรูปของเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอ และต้องการโอกาสที่จะได้รับผลกำไรส่วนเกิน โดยสามารถลงทุนระยะยาวได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 59 KFSDIV มีการประกาศจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 0.80 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 8.22% และบริษัทจะมุ่งมั่นรักษามาตรฐานในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ” (ข้อมูล บลจ. กรุงศรี 30 ก.ย. 59)
“กองทุน KFLTFDIV มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี ไม่น้อยกว่า 75% ของ NAV โดยเน้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดี ในส่วนของกองทุน KFSDIV มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลดีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ทั้งสองกองทุนมีความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 : เสี่ยงสูง ทั้งนี้ กองทุนใช้กลยุทธ์ในการบริหารแบบ Bottom Up เน้นคัดเลือกบริษัทที่จะลงทุน และมีการบริหารแบบแอ็กทีฟเชิงวิเคราะห์เจาะลึกในด้านมูลค่าแท้จริงของหลักทรัพย์และการให้น้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยจะมีการปรับพอร์ตตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้านแนวโน้มการเติบโตของกองทุน KFLTFDIV ในปีหน้านั้น คาดการณ์ว่าหุ้นที่กองทุนถือครองมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ภาคการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตที่ดี และการลงทุนของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง”
“บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางถึงยาว แม้ว่าในระยะสั้นจะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่พื้นฐานหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งและมีความน่าสนใจ และเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว นอกจากนี้ การที่ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกให้ผลตอบแทนลดลงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นได้รับความสนใจและมีเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น” น.ส.ศิริพรกล่าว