ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังแจ่ม หลังมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามาในตลาดภูมิภาครวมถึงหุ้นไทย แนะจับตาการประชุมของ ECB อีกครั้ง ล่าสุด บลจ.วรรณ และ บลจ.ทิสโก้ยิ้มกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทยทำผลตอบแทนเข้าเป้า
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงซื้อสุทธิกลับเข้ามาในตลาดภูมิภาครวมถึงตลาดหุ้นไทย ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค.) นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Buy ในตลาดหุ้นไทยประมาณ 6.7 พันล้านบาท โดยเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Asia) อย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจากการดำเนินอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งส่งผลให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเกิดใหม่และตลาดในประเทศพัฒนาแล้ว (Develop Market) มีความน่าสนใจและดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
“สัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) โดยตลาดคาดหวังว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ -0.4% อีกทั้งยังคาดหวังให้เพิ่มขนาดในการทำ QE จาก 60 ล้านยูโรต่อเดือนเป็น 70 ล้านยูโรต่อเดือน ในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ ซึ่งตลาดบ้านเราจะทราบผลการประชุมในวันที่ 11 มี.ค. โดยบริษัทมองว่าหากผลการประชุมออกมาเป็นไปตามตลาดคาดการณ์อาจมีแรงขายทำกำไรเกิดขึ้นในตลาดหุ้นบ้าง ซึ่งดัชนีก็มีโอกาสย่อตัวในช่วงท้ายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แรงขายครั้งนี้ยังไม่ใช่บรรยากาศที่น่ากังวล โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวแตะระดับ 1,400 จุด จากแรงหนุนของ Fund Flow” ดร.วินกล่าว
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาการจัดตั้งกองทุนหุ้นลงทุนรูปแบบเฉพาะ Thematic โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีการบริหารโดดเด่นด้านความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล เนื่องจากบริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการลงทุนในหุ้นธรรมาภิบาลดี โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุนเปิด วรรณ ออพพอร์ทูนิตี้ 5/1 ฟันด์ (ONE-OPPORTUNITY5/1) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายเลิกโครงการก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาการบริหารประมาณ 2 เดือน ซึ่งบริษัทได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ลงทุนในอัตรา 10.50 บาทต่อหน่วย หรือ 5% ตามที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยสามารถขายคืนหน่วยลงทุนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนวรรณเดลี่ ได้ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป
ทิสโก้ส่งทริกเกอร์หุ้นไทยเข้าเป้ากองแรกปี 59
ทางด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้มองสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่จะมีปัจจัยภายนอกมารบกวนความเชื่อมั่นของตลาดเป็นระยะ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้น ทำให้ยากต่อการจับจังหวะการลงทุน บลจ.ทิสโก้เชื่อมั่นว่าทริกเกอร์ฟันด์ของทิสโก้จะเป็นตัวช่วยในการจับจังหวะการลงทุนได้ เพราะด้วยความเชี่ยวชาญในการจับจังหวะการลงทุนและความเป็นมืออาชีพของผู้จัดการกองทุนที่สามารถนำเสนอทริกเกอร์ฟันด์ได้ในช่วงเวลาเหมาะสม อีกทั้งลูกค้าให้เสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมจึงเตรียมออกทริกเกอร์ฟันด์กองใหม่ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามความเคลื่อนไหวในตลาด
ล่าสุด บลจ.ทิสโก้สามารถบริหาร “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #23” (TISCO Thai Equity Trigger Fund 23 : TISEQT23) ซึ่งออกมาจับจังหวะช่วงตลาดหุ้นไทยตกในเดือนมกราคม (กองทุนจดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559) ให้ถึงเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ได้เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา มีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.8099 บาทต่อหน่วย โดยใช้เวลาบริหารกองทุนเพียง 1 เดือน 22 วันเท่านั้น เท่ากับสามารถปิดกองทุนและคืนเงินให้ลูกค้าได้ก่อนกำหนดจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8 เดือน เป็นทริกเกอร์หุ้นไทยกองแรกที่ออกและสามารถบริหารให้ถึงเป้าหมายได้เป็นกองแรกของปี 2559 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญในการจับจังหวะการลงทุนอย่างแม่นยำของผู้จัดการกองทุน บลจ.ทิสโก้อีกด้วย