บลจ.เอ็มเอฟซีตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 59 ที่ 470,000 ล้านบาท คิดเป็น 29.2% เน้นกลยุทธ์หลักเรื่องการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบ MFC SMART APP. เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มฐานลูกค้า พร้อมโชว์ผลงานปี 58 เติบโตอย่างโดดเด่นโดยเฉพาะธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2559 นี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 470,000 ล้านบาท คิดเป็น 29.2% รวมถึงรักษาระดับรายได้ที่ประมาณ 1,155.8 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 27.1% โดยผลการดำเนินงานในปีที่ผ่าน บลจ.มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 364,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 194,000 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 141,000 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 29,000 ล้านบาท มีรายได้ 909 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม คิดเป็น 6.54% นอกจากนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การจัดการของเอ็มเอฟซีขึ้นครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 15.93%
สำหรับกลยุทธ์และแผนงานหลักในปีนี้ บลจ.มีโครงการจะเพิ่มสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มเติมจากเดิมที่มีสาขาแจ้งวัฒนะ ระยอง พิษณุโลก และเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า โดยเราได้เลือกจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี สงขลา และสุราษฎ์ธานี โดยส่วนใหญ่ลูกค้าในต่างจังหวัดมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน บลจ.เอ็มเอฟซียังเปิดให้บริการข้อมูลกองทุนรวมผ่านโทรศัพท์มือถือ MFC SMART APP เพื่อเผยแพร่กองทุนให้เป็นที่รู้จักทั่วไป และให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหน่วยลงทุน และเป็นการขยายฐานลูกค้าอีกด้วย รวมไปถึงการเปิดจุดรับชำระเงินของไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บลจ.จะหา Strategic Partners โดยเฉพาะในต่างประเทศเพื่อการพัฒนาธุรกิจและประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุน รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบของกองทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์การลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
สำหรับการออกกองทุนในปีที่ผ่านมานั้น บลจ.เอ็มเอฟซีได้เสนอขายกองทุนจำนวน 42 กองทุน เป็นกองทุนรวม 19 กองทุน มูลค่ารวม 7,986 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน มูลค่ารวม 975 ล้านบาท ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้มีการจัดตั้งกองทุนใหม่ 6 กองทุน มูลค่ารวม 5,824 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การจัดการครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 15.93% และกองทุนส่วนบุคคลมีการจัดตั้งกองทุนใหม่ 15 กองทุน มูลค่ารวม 3,115 ล้านบาท
นอกจากนี้ เอ็มเอฟซียังได้ร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนในกิจการ SME นับเป็นกองแรกของประเทศที่จัดตั้งตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ความช่วยเหลือ SME ไทย
“ในปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.เอ็มเอฟซีค่อนข้างโดดเด่น ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐวิสาหกิจมูลค่า 10,000 ล้านบาท และของเอกชนมูลค่า 5,000 ล้านบาทให้ บลจ.เป็นผู้บริหาร นอกจากนี้การเป็นทรัสตี (Trustee) ก็ถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่เราให้ความสำคัญในปีนี้อีกด้วย” นางสาวประภากล่าว
