คอลัมน์ บัวหลวง Money Tips
โดย วิภพ เฉลียวจิตติกุล
“หากย้อนกลับไปได้ นักลงทุนอยากกลับไปแก้ไขทบทวนเรื่องไหนมากที่สุด”
ความคิดข้างต้นนี้คงผุดขึ้นในใจนักลงทุนหลายคน เนื่องจากตลาดหุ้นในปี 2558 มิได้สดใสเหมือนกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นปีแห่งฝันร้ายเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากผลตอบแทนติดลบหนักสุดนับตั้งแต่เกิด Subprime Crisis (ปี 2551) โดยปี 2558 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -14.00%
เพื่อให้ภาพที่ชัดเจนและรอบด้านมากขึ้น จึงขอสรุปผลตอบแทนเป็นรายกลุ่ม ดังตารางด้านล่างนี้
ด้วยปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงแรงจากเทคโนโลยีขุดเจาะน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐอเมริกา ทำให้ปริมาณผลิตเพิ่มขึ้นจนเกิดอุปทานส่วนเกินสูง ผนวกกับปัจจัยลบภายในประเทศ ตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เริ่มชะลอตัว ขณะที่ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบเพิ่มขึ้น รวมถึงปรากฏการณ์เซอร์ไพรส์ตลาดของผู้ประกอบธุรกิจสื่อสารรายใหม่ บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) หลังชนะประมูลคลื่น 900 MHz จนเกิดความกังวลว่าค่ายมือถืออาจแข่งขันถึงขั้นรุนแรงในอนาคต
ปัจจัยลบเหล่านี้ส่งแรงกระเทือนต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และสื่อสาร ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมเป็น 40% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ต่างก็ปรับตัวลง -20.71% -28.63% และ -39.46% ตามลำดับ และย่อมส่งผลให้ SET INDEX ปรับลงแรงตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ SET INDEX จะให้ผลตอบแทนติดลบ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติเทขายประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แต่ยังคงมีหุ้นบางกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก เช่น กลุ่มการแพทย์ และท่องเที่ยว ซึ่งภาพรวมของอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง แต่กลับมีสัดส่วนเพียง 6-7% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
ด้วยโครงสร้างประชากรของประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการแพทย์ให้ผลตอบแทนสูงถึง 29.97% แต่หากกล่าวเฉพาะไฮไลต์ในปี 2558 คงต้องยกให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นทั้งเครื่องยนต์หลักและความหวังของเศรษฐกิจไทยตลอดปีที่ผ่านมา เนื่องจากเส้นทางธุรกิจของหุ้นกลุ่มนี้มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือสดใสเช่นตัวเลขผลตอบแทนตามที่เห็น แต่กลับเป็นธุรกิจที่ต้องเผชิญขวากหนามหรือภาวะวิกฤตขั้นรุนแรงเสียด้วยซ้ำ
เริ่มจากต้องเผชิญการปักธงแดงของ ICAO เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน ในวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ตามมาด้วยเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 17 ส.ค. 2558 (หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับลงทันทีถึง 9% ใน 1 วัน) รวมถึงโดน FAA ของสหรัฐฯ ประกาศลดมาตรฐานสายการบินของไทยไปอยู่ประเภทที่ 2 ในวันที่ 2 ธ.ค. 2558
แม้จะมีแต่ข่าวร้ายถาโถมมาเป็นระยะๆ แต่หากหลับตาแล้ววาดภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ก็จะเห็นภาพการสนับสนุนส่งเสริมของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ภาพของสายการบินหลักๆ ในประเทศ ซึ่งล้วนผ่านมาตรฐานการบินของประเทศปลายทาง รวมถึงภาพของสถานที่ท่องเที่ยวปลายทางยอดนิยมอันดับต้นๆ ของชาวจีน และเมื่อเปิดตาขึ้นจะพบว่าในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 29.88 ล้านคน หรือเติบโต 20.44% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ข้อมูลเบื้องต้นจากกรมการท่องเที่ยว)
นี่เป็นคำตอบว่า เหตุใดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวถึงให้ผลตอบแทนสูงถึง 18.61% สวนทางกับดัชนีตลาดที่ติดลบ
ในความมืดมิดยังมีแสงสว่างอยู่เสมอ ตลาดหุ้นก็เฉกเช่นกัน ถึงแม้ตลาดไทยจะปรับลดลงแรง แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก หรือแม้แต่ในเดือนธันวาคมที่ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดของปี แต่ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่ทะยานทำจุดสูงสุดใหม่ นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรม รวมทั้งตัวบริษัทเอง
นั่นหมายความว่า หากนักลงทุนสามารถค้นหาอุตสาหกรรมที่ใช่ รวมถึงเลือกหุ้นที่ใช่ (Right Track, Right Train) นักลงทุนก็ยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดี แม้ในภาวะตลาดหุ้นไม่สดใสก็ตาม
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมกองทุนบัวหลวงถึงให้ความสำคัญกับ Theme การลงทุน และให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นเป็นรายตัว มากกว่าการลงทุนโดยอิงแนวโน้มดัชนีเป็นรายปี และไม่ให้ความผันผวนในระยะสั้นมาทำให้การลงทุนในระยะยาวไขว้เขว เพราะได้พิสูจน์กันแล้วว่า “ในระยะยาว ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับผลประกอบการของบริษัท”
เริ่มต้นปีใหม่กันแล้ว ไม่มีใครทราบแน่ว่าปีนี้จะเจอกลีบหรือหนามกุหลาบ วางแผนการลงทุนให้รอบคอบรัดกุมเสียแต่ต้น ปลายปีนี้อาจไม่ต้องหงุดหงิดใจเหมือนปีก่อนก็เป็นได้