บลจ.ทหารไทยประเมิน พ.ร.บ.กองทุนสำรองฯ แก้ไขใหม่เป็นผลดีต่อการออมไว้ยามเกษียณ ชูระบบ “Fundling M Choice Online” เลือกลงทุนได้อิสระ เผยรุกธุรกิจกองสำรองฯ เน้นกลุ่มบริษัทการเงิน ตั้งเป้าโต 30,000 ล้านบาทใน 3 ปี
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ (แก้ไขปี 2558) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2558 เป็นต้นไปนี้เป็นผลดีต่อการออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.ทหารไทยนั้นมีความพร้อมในการให้สมาชิกได้เลือกการลงทุนด้วยตนเอง เป็นการให้เสรีภาพและการเรียนรู้ในเรื่องการลงทุน โดยที่ผ่านมานั้นลูกจ้างที่ทำงานและมีเงินอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมักจะไม่ค่อยได้ดูเงินที่ตนเองออมไว้นัก ซึ่งหากสามารถส่งเงินสะสมได้เพิ่มขึ้นและมีการปรับการลงทุนในพอร์ตเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจึงเป็นเรื่องสำคัญ
โดยปัจจุบันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.ทหารไทย เป็นการให้บริการแบบ “Fundling M Choice Online” ที่ให้สมาชิกสามารถเลือกการลงทุนได้ด้วยตนเองในแบบออนไลน์ตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ เปลี่ยนแผนการลงทุนได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ ได้มีการแก้ไขหลายประการ แต่ข้อที่สำคัญคือ ในเรื่องการให้ลูกจ้างสามารถจ่ายเงินสะสมในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งมากกว่าอัตราที่นายจ้างสมทบเป็นการให้ลูกจ้างสามารถออมเงินได้เพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้สำหรับยามเกษียณ และอีกเรื่องคือการเปิดโอกาสให้ลูกจ้างสามารถออมเงินได้ต่อเนื่อง โดยหากสมาชิกกองทุนมีเหตุให้สิ้นสมาชิกสภาพก็สามารถโอนเงินออมที่อยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยังกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้
“บลจ.ทหารไทยอยากให้คนได้ออมเงินได้ต่อเนื่องเพื่อไว้ใช้ในระยะยาวมากกว่า จึงมีโปรโมชันให้สำหรับคนที่โอนย้ายเงินมายังกองทุน RMF ของ บลจ.ทหารไทยทุก 50,000 บาทจะได้รับกองทุนเปิดทหารไทยธนบดีอีก 100 บาท”
นางกรองจันทร์ สกุลยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บลจ.ทหารไทยมีสินทรัพย์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการ ณ เดือนกันยายน อยู่ที่ประมาณ 16,000 บาท เพื่อขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดีมาก ลูกค้าให้ความสนใจในเรื่องการลงทุนกับ บลจ.ทหารไทย ที่มีให้เลือกได้หลากหลาย และมองว่าการที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยการออมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
“เราตั้งเป้าสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโต 30,000 ล้านบาทในอีก 3 ปี ซึ่งจะเป็นการเติบโตขึ้นมาจากการที่ลูกจ้างสามารถส่งเงินสะสมได้เพิ่มมากขึ้นตาม พ.ร.บ.ที่แก้ไขใหม่นี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเติบโตมาจากการหาลูกค้าใหม่เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นไปที่บริษัทเอกชนประเภทการเงินเพราะมีความเข้าใจในเรื่องของการลงทุน”
