บลจ.ทิสโก้ประเมิน “หุ้นญี่ปุ่น” ยังให้ผลตอบแทนที่ดี หลังเศรษฐกิจขยายตัวจากการลงทุนและการบริโภค คาดฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าลงทุนเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่ บลจ.ธนชาตก็ให้น้ำหนักลงทุนในญี่ปุ่นและยุโรปด้วยเช่นกัน
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 18,000 จุด จากจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 20,800 จุด ซึ่งสาเหตุเกิดจาก Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงนั้น ล่าสุด เพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม บลจ.ทิสโก้ จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #7 โดยตั้งเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ เปิดเสนอขายครั้งแรก 3-8 ก.ย. 58 นี้
โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งใน Top Pick ของทิสโก้ โดยหากดูจากปัจจัยแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, Valuation ของตลาดหุ้น และความสามารถในการทำกำไร เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยทั้งหมดรวมกัน เรามองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจมากที่สุด โดยในแง่ของเศรษฐกิจเรามองว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากภาคการลงทุน และการบริโภคที่น่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น อีกทั้งค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนลงจะช่วยให้การส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้น ในแง่ของฟันด์โฟลว์ ทิสโก้คาดว่าจะยังคงมีเม็ดเงินทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จากการทำ QE ของ BoJ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นของกองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ หากพิจารณาในแง่ของ Valuation ก็พบว่าหุ้นญี่ปุ่นยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ Forward P/E ที่ 17 เท่า และ PBV ที่ 1.7 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต ประกอบกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตของผลกำไรโดดเด่นในปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 15% ดังนั้น ในช่วงที่หุ้นย่อตัวลงมาน่าจะเป็นโอกาสดีของนักลงทุนในการเข้าลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีพื้นฐานดีอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่น เราจึงแนะนำซื้อ
ธนชาตให้น้ำหนักหุ้นยุโรป-ญี่ปุ่น
ทางด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บลจ.ธนชาตยังมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในยุโรปและญี่ปุ่น เพราะทั้ง 2 ประเทศยังคงได้รับแรงบวกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และโดยปัจจัยพื้นฐานก็ยังถือว่าแข็งแกร่งมาก ยังมีโอกาสเติบโตได้สูง ขณะเดียวกันเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังจากวิกฤตกรีซคลี่คลาย และแนวโน้มของ FED ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ก็จะทำให้เงินยูโรอ่อนค่าซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกที่เป็นสัดส่วนกว่า 40% ของ GDP ขณะที่ข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือนสิงหาคมก็ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี โดย Investec ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนหลักให้ความเห็นที่น่าสนใจไว้ว่า ส่วนมากหาก GDP โตได้มากกว่า 1% บริษัทมักมีผลกำไรเติบโตมากกว่า 10% (Investec, มิ.ย. 58)
ทางด้านญี่ปุ่นก็ได้รับผลบวกจากเงินเยนที่อ่อนค่าจากมาตรการ QE เช่นกัน ส่งผลให้ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวเติบโต ประกอบกับนโยบายของกองทุนบำเหน็จบำนาญญี่ปุ่นที่เน้นลงทุนในหุ้นมากขึ้น และนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านการลดภาษีนิติบุคคลเพื่อจูงใจผู้ประกอบการขึ้นเงินเดือนแก่พนักงาน ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด JPMorgan คาดว่าผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่นอาจเติบโตได้ 15-20% ภายในปีนี้และปีหน้า (JPMorgan, ส.ค. 58)
บลจ.ธนชาตกำลังเปิดขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิดธนชาตเจแปน อิควิตี้ (T-JapanEQ) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Opportunities และกองทุนเปิดธนชาตยุโรป อิควิตี้ (T-EuropeEQ) ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Investec European Equity Fund ซึ่งล่าสุดในปีนี้ผู้บริหารกองทุนได้รับรางวัลผู้จัดการกองทุนยอดเยี่ยมจาก Citywire ด้วย โดยทั้งสองกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นชั้นดี มีแนวโน้มเติบโตสูง ผ่านการคัดสรรอย่างรอบคอบ รวมถึงได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ให้เป็นกองทุน 5 ดาวทั้ง 2 กองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนมายังต่างประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจไทยซบเซาเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่า เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 2-9 กันยายน 2558 เริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท