โดย วรพจน์ เกศอร่าม CFP®
สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
“ฝันอยากมีบ้านเป็นของตนเอง” เชื่อว่าความฝันนี้มีกับคนหนุ่มสาวทุกคน แล้วจะทำยังไงดีล่ะฝันถึงจะเป็นจริงได้ อย่ามัวแต่ฝันให้เริ่มลงมือทำเลยครับ
ก่อนอื่นประเมินศักยภาพตัวเองก่อน เรามีรายได้เท่าไหร่ มีเงินออมต่อเดือนเท่าไหร่ อนาคตจะมีรายได้เพิ่มมั้ย รายได้เรามีความแน่นอนมั้ย ยกตัวอย่าง อวัศยามีรายได้เงินเดือน 40,000 บาท มีรายได้จากคอมมิชชัน 15,000 บาท รายจ่ายต่อเดือน 20,000 บาท แสดงว่าเราสามารถเก็บได้ 20,000 บาทแน่ๆ ให้พิจารณาจากรายได้ที่แน่นอนเป็นหลักไว้ก่อน ส่วนรายได้คอมมิชชันถือเป็นตัวช่วย หากจะต้องการโปะให้หนี้หมดเร็ว หรือไว้เผื่อสำหรับเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิต
ถัดไปหาบ้านที่เราต้องการ มือหนึ่ง มือสอง คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว ทำเลไหน ราคาเท่าไหร่เอาให้ชัด แนะนำว่าให้ตอบโจทย์ของคนที่อยู่ในบ้านด้วย เช่น อยู่คนเดียว อาจจะต้องมีความปลอดภัยมากหน่อย ถ้าอยู่กับแฟนต่างคนต่างทำงานในเมืองควรจะเลือกใกล้ที่ทำงาน หรือสามารถใช้รถไฟฟ้า จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก หากมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย อาจต้องมีพื้นที่มากขึ้น หรือมีบริเวณให้ท่านได้เดินเล่น เป็นต้น
หลังจากสรุปได้แล้วว่าบ้านในฝันเราจะเป็นอย่างไร ต้องเตรียมเงินดาวน์ประมาณ 10-20% ของราคาบ้าน หากมีเงินดาวน์เยอะโอกาสกู้ธนาคารก็ง่ายขึ้น หากไม่มีต้องทำให้ธนาคารเชื่อว่าเรามีศักยภาพในการผ่อนบ้าน โดยการฝากเงินเป็นประจำทุกๆ เดือนอย่างสม่ำเสมอ ดังตัวอย่างข้างต้น อวัศยาอาจจะยังไม่มีเงินดาวน์เลย แต่สามารถออมเงินได้เดือนละ 20,000 บาท ก็ฝากทุกๆ เดือนในบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน ถ้าฝากได้ครบก็มีเงินดาวน์ประมาณเกือบ 500,000 บาท
วางแผนการกู้ หากอายุน้อยจะสามารถกู้ได้ยาว บางธนาคารให้ได้นานถึง 30 ปี ยอดการผ่อนต่อเดือนประมาณ 0.7-0.8% ของวงเงินกู้ ทั้งนี้ขึ้นกับระยะเวลาการกู้และอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น หากผ่อนเดือนละ 20,000 บาท จะสามารถกู้ได้ประมาณ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงื่อนไขควรตรวจสอบกับธนาคารอีกครั้งหนึ่ง
เปรียบเทียบเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ทั้งอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม ฟรีค่าจดจำนอง เลือกธนาคารที่ให้เงื่อนไขถูกใจเราที่สุด
วางแผนการผ่อน ภาระการผ่อนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้รวม ต้องพิจารณาถึงภาระหนี้สินอื่นๆ ด้วย เช่น รถยนต์ บัตรเครดิต หากภาระการผ่อนมากเกินไปอาจทำให้เราผิดนัดชำระหนี้ แล้วจะโดนอัตราดอกเบี้ยปรับที่แพงมาก นอกจากนี้ยังเสียประวัติเครดิตบูโรอีกด้วย
เมื่อครบกำหนด 3 ปีเราสามารถรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ได้หากเจอเงื่อนไขที่ดีกว่า แนะนำว่าไม่ควรเพิ่มวงเงินในการกู้ เพราะจะทำให้หนี้ไม่หมดสักที
เห็นมั้ยครับว่าเพียงเท่านี้เราก็มีบ้านในฝันได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่าคือการทำให้ house กลายเป็น home คืออยู่กับคนที่เรารักอย่างมีความสุข ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับบ้านในฝันกันทุกคนนะครับ