xs
xsm
sm
md
lg

จัดพอร์ตลุยกองหุ้นไทย-เทศ บิ๊ก บลจ.ชี้รับยิลด์ดีช่วยลดเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บิ๊ก บลจ.แนะนักลงทุนจัดพอร์ตกองทุนลุยหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะหุ้นเอเชีย มั่นใจช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุน พร้อมรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นลงตามสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามาหนุน แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายภาครัฐ และการลงทุนของภาครัฐ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวของคนในเอเชียด้วยกันจะส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยดีขึ้น

ในส่วนของการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยนั้นเรายังมองดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,600 จุดเช่นเดิม ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักคือการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐและการลงทุนของรัฐเป็นหลัก โดย Downside จะอยู่ในกรอบ 1,450-1,480 จุด

สำหรับปัจจัยลบที่จะต้องจับตามองนั้นก็คือการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคของคนในต่างจังหวัด ขณะเดียวกันความกังวลเรื่องการส่งออก และความกังวลเรื่องของเฟดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงปัญหาของกรีซอีกด้วย

“บลจ.แมนูไลฟ์เราให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นในเอเชีย ซึ่ง 100% ของสัดส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นควรลงทุนในหุ้นไทย 30% หุ้นเอเชีย 30% หุ้นจีน 10% หุ้นสหรัฐฯ 10% หุ้นเฮลท์แคร์ 10% และหุ้นยุโรป 10% ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ควรลงทุนในหุ้น 15-50% โดยในพอร์ตควรกระจายการลงทุนทั้งในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศด้วย”นายต่อกล่าว

ทางด้านนายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังต่อจากนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากนโยบายภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งหากมีความชัดเจนในเรื่องของรัฐธรรมนูญก็คาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน ทั้งนี้เรามองกรอบดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1,600-1,650 จุด ส่วนไตรมาสที่ 3 นี้เรามองกรอบดัชนีอยู่ที่ 1,480-1,550 จุด ส่วนปัจจัยนอกประเทศไม่ว่าจะเป็นปัญหากรีซ หรือความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นเชื่อว่าน่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก

ในส่วนการลงทุนนั้นเรามองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานก็ยังน่าสนใจอยู่เนื่องจากปลายปีมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น รวมถึงหุ้นที่ให้ปันผลที่ดี สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ เราแนะนำให้ลงทุนในหุ้น 50-70% แบ่งเป็นหุ้นไทย 20-30% หุ้นเอชีย จีน อาเซียน 40-50% ส่วนที่เหลือแนะนำให้ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนีมาร์เกต

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เรามองว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านช่วงจุดต่ำสุดไปแล้ว สิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้คือการลงทุนของภาครัฐที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ซึ่งในช่วงนี้เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะทยอยลงทุนได้

สำหรับการลงทุนในหุ้นไทยนั้นคงต้องเน้นเลือกหุ้นเป็นหลายตัว โดยกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้เรามองเป้าดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,640 จุด



กำลังโหลดความคิดเห็น