บลจ.ธนชาตตั้งเป้า AUM ปีนี้เติบโต 1.95 แสนล้านบาท มองการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนดี ศก.โลกปีนี้มีการเติบโตแต่มีความผันผวน แนะกระจายการลงทุนต่างประเทศ
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2557 ที่ผ่านมามีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ประมาณ 164,000 ล้านบาท และเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 171,000 ล้านบาทในปัจจุบัน (ณ สิ้นเดือน ก.พ. 58) โดยคาดว่า AUM จะเติบโตเป็น 195,000 ล้านบาทในปีนี้จากการออกกองทุนสม่ำเสมอทุกสัปดาห์
และคาดว่าจะออกกองทุนประเภทต่างๆ ที่มีศักยภาพเติบโต โดยจะออกกองทุนต่างประเทศที่เน้นลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก จากปัจจัยทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น และสภาพคล่องในระบบที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยโลกที่ยังมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะ
นอกจากนี้ได้พัฒนาการให้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ด้วยการปรับปรุงเว็บไซต์และบริการ Thanachartfund Online เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่นักลงทุน/ผู้ถือหน่วยในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ และเพื่อรองรับแผนงานการขยายฐานลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์
นายโชติช่วง ธีรขจรโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวถึงภาพการลงทุนมองว่า เศรษฐกิจโลกได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงไปกว่าครึ่ง โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะโตประมาณ 3%
ขณะที่สภาพคล่องยังมีอยู่สูง อัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำมากเป็นปัจจัยเอื้อต่อการลงทุน ซึ่งตั้งแต่ต้นปีก็มีธนาคารกลาง 24-25 ประเทศที่ใช้นโยบายผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนของโลก
ทั้งนี้มองว่าในปีนี้การลงทุนจะมีความผันผวน แต่มองว่าการลงทุนในหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่พอร์ตการลงทุนก็จะต้องเน้นเลือกการลงทุนมากขึ้น โดยเลือกในหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตและให้ผลตอบแทนได้ดี ซึ่งการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศเป็นทางเลือกที่ดี
สำหรับปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศนั้น อยู่ที่เรื่องการขี้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ปัญหาเรื่องประเทศกรีซ ส่วนปัจจัยในประเทศคือเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเรื่องการเมือง
“ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ได้รับปัจจัยลบจากเศรษฐดิจที่ชะลอตัว มองดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,580 จุดจนถึงกลางปีนี้ และปลายปีคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,650 จุด ระดับราคา P/E 15 เท่า โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจเป็นกลุ่มสื่อสาร ไอซีที วัสดุก่อสร้าง”